ผมให้คนเช่าบ้านเป็นทาวน์เฮาส์ ในบ้านมีโต๊ะไม้สักอยู่หนึ่งตัว ขนาดประมาณ 1.5x1 เมตร

สามีเป็นคนมาเจรจา บอกว่าเป็นช่างแอร์ มีภรรยารับเย็บผ้า และมีลูกเล็กหนึ่งคน ตั้งแต่มาอยู่ให้ค่าเช่ามาเดือนเดียว จากนั้นก็ผัดผ่อนมาตลอด โทรนัดจะให้ก็ไม่ให้ซะที หลัง ๆ ก็เลยเปลี่ยนเบอร์มือถือไปเลย

บ้านที่ให้เช่าก็อยู่ไกลที่ผมพักอยู่ปัจจุบันมาก ถ้าจะไปผมก็ต้องเสียเวลา 1 วัน กับค่าใช้จ่ายประมาณ 200-300 บาท (รถตู้+รถเมล์) ก็เลยไม่ได้ไป

ล่วงมาประมาณ 10 เดือน ผมตัดสินใจเข้าไปที่บ้านนั้น สามีไม่อยู่ เหลือภรรยาอยู่กับลูก ยังเดินเตาะแตะอยู่เลย ผมก็สงสาร บอกว่า ไม่เอาค่าเช่าแล้ว แต่ขอให้ย้ายออกไป แล้วให้สามีโทรมาคุยกันด้วย สามีเขาก็โทรมานัดว่าจะย้ายสิ้นเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว

พอถึงวันที่กำหนดย้าย ก็ขอเลื่อนไปอีก จนผมกลัวว่าจะต้องฟ้องขับไล่ แต่สุดท้าย ผมติดต่อคนข้างบ้านไว้ ได้ข่าวว่าย้ายไปตอนกลางเดือนมีนาคมแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจมากเลย

เมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ ผมก็แวะเข้าไปดู ปรากฏว่าบ้านถูกตัดน้ำตัดไฟ (ยกมิเตอร์ไปหมดเลย) โต๊ะไม้สักหนึ่งตัวในบ้านก็หายไปด้วย แผงไฟฟ้าประจำบ้านถูกถอดออกไปด้วย แล้วที่ชั้นสองก็มีการเปิดฝ้า โยงลวด เกี่ยวสายไฟฟ้า มั่วไปหมด หน้าต่างเหล็กดัดก็ถูกถอดออก 1 บาน ยกลงมา แต่คงกลัวคนจะเห็นชัด ก็เลยทิ้งไว้บนบ้าน แต่โต๊ะนี่ยกออกไปก็เหมือนเป็นของใช้ในบ้านธรรมดา ไม่เด่นเท่าเหล็กดัด ก็เลยยกออกไปได้

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ จะแจ้งความก็ไม่มีหลักฐานเอกสาร มีแต่พยานบุคคลที่เป็นคนข้างบ้าน (สอบถามเบื้องต้น ได้ความว่า ก็ยังคงอาศัยอยู่ในละแวกบริเวณหมู่บ้านนั้น เวลาออกไปตลาดก็เห็นขี่จักรยานผ่านบ่อย ๆ )

ผมเสียใจกับคน ๆ นี้มากเลย สงสารแล้ว ไม่เอาค่าเช่าแล้ว กลับทำกับผมแบบนี้ ทำไมใจร้ายขนาดนี้ ผมเสียใจจริง ๆ ครับ อยากจะให้กฎหมายลงโทษให้หลาบจำ ช่วยผมด้วยครับ