1.เมื่อเขาเป็นผู้กู้ร่วม  แม้ในความเป็นจริงเขาไม่เคยจ่ายเงินเลยแม้แต่บาทเดียว  เขาย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของด้วยครึ่งเสมอ.....เว้นแต่เขาจะเป็นผู้มีคุณธรรมล้ำเลิศ เขาไม่ยอมเอาส่วนแบ่งตามกฎหมายที่เขามีสิทธิ์ก็ย่อมทำได้....ทางออกคือให้เพื่อนทำสัญญาไว้  โดยมีสาระสำคัญว่าเขาจะไม่รับแบ่งสิทธิ์ที่พึงมีตามกฎหมายของบ้านหลังนี้ก็พอช่วยได้ครับ

2.เมื่อระบุไว้ว่าไม่มีทรัพย์สินใดๆ ก็คงจะอ้างได้ลำบากว่าเคยมีทรัพย์สินก่อนสมรส  แต่กฎหมายก็ว่าไว้   กรณีเป็นที่สงสัยว่าเป็นสินสมรสหรือไม่  ให้สันนิษฐานว่าเป็นสินสมรส....ผมว่าคุณก็กังวลเกินความเป็นจะเป็นทุกข์เปล่าๆครับ

3.การรับรองบุตรทำได้หลายกรณี  เช่นพ่อจดทะเบียนรับรอง    หรือลูกฟ้องให้พ่อจดทะเบียนรับรอง   ตามที่คุณเล่ามาการที่พ่อเลี้ยงดูให้ใช้นามสกุล ฯก็เป็นเงื่อนไขที่ยืนยันว่าเป็นบุตรโดยชอบได้โดยไม่ตรวจ DNA   หรือแม้ไม่มีการจดทะเบียนรับรองบุตร  ถ้าพ่อจะทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้บุตรก็ย่อมทำได้ครับ

4. พินัยกรรมของสามีถ้ามีส่วนของคุณเป็นเจ้าของอยู่ด้วยก็ใช้บังคับไม่ได้   บังคับได้เฉพาะส่วนที่เป็นของเขาเท่านั้น

5. รถ -คอนโดฯ เป็นสินส่วนตัวของคุณ ลูกสาวเขาไม่มีสิทธิ์    แต่อาจมีสิทธิ์แบ่งกรณีพ่อของเขาได้รับมรดก   เขาเป็นบุตรย่อมขอส่วนแบ่งได้....

-เห็นคำถามของคุณแล้ว   ขอเรียนตามตรงว่าชักเป็นห่วงคุณครับ  ที่คิดเล็กคิดน้อยไปทุกเรื่อง  คุณคงทุกข์ใจไม่น้อย  ผมเคยบอกว่า  สมบัติผลัดกันชมไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงหรอก จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการเป็นเจ้าของไปเรื่อยๆ  ถ้าใครยึดมันถือมั่นจนเกินไปจะทุกข์ใจไม่รู้จบครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะคุณผู้เฒ่า แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยค่ะ

ความจิง ไม่ได้ยึดติดอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่มันสงสัย เลยอยากรู้ว่าถ้าเรื่องราวเป็นแบบนี้ ตามกฏหมายแล้วมันเป็นแบบไหนอ่ะค่ะ เราจะได้วางแผนชีวิตเราได้ถูก