[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
ปรึกษาเรื่อง สินสมรส | |
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นปัญหาของคุณแม่ดิฉัน เนื่องเมื่อ เมษายน ปี 47 พ่อเค้ามีอาการเหลวไหล ไปติดใจหญิงคนหนึ่ง จนกระทั่งนำรถยนต์และทรัพย์สินอื่น ๆ ร่วม ๆ 1 แสนบาทออกจากบ้านไป พร้อมกันนี้คุณแม่ได้ทำการแจ้งความกับตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะกลัวว่าพ่อจะนำรถรถยนต์ไปทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะทางบ้านทราบประวัติของผู้หญิงคนนี้ว่าไม่ค่อยดีนัก และพ่อไม่ได้ติดต่อกลับบ้านมาอีก ยกเว้นไปหาลูก ๆ ที่ทำงาน เพื่อขอเงินและขอกลับบ้าน ซึ่งทุกคนให้เงินแต่เรื่องเข้าบ้านให้พ่อติดต่อกับแม่เอง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ทางดิฉันและแม่อยากจะรู้ว่า 1. พ่อและแม่ได้ทำการจดทะเบียนสมรสกัน และได้ซื้อที่ดินไว้หลังแต่งงาน จึงอยากถามว่าถ้าแม่ต้องการเปลี่ยนชื่อในโฉลดจากชื่อพ่อให้เป็นชื่อของลูก ๆ จะได้หรือไม่ค่ะ 2. เวลา 5 ปีที่ผ่านมา ลูก ๆ ได้ทำงานและแต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ต้องจะปลูกบ้านในที่ที่ดินของแม่ แต่มีปัญญาเรื่องโฉลดว่ายังติดเป็นชื่อของพ่ออยู่ ทำให้ไม่สามารถเดินเรื่องของปลูกกับที่เขตได้ ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร 3. เมื่อ 2-3 ปีก่อน มีบริษัทไฟแนนท์2 บริษัท มาที่บ้านทุกเดือน บอกว่า พ่อได้นำทะเบียนรถยนต์ไปจำนอง แต่ขาดส่งและไม่ยอมโอนรถให้ จะให้แม่ทำการชดใช้เพราะมีทะเบียนสมรส แต่แม่ได้นำใบแจ้งความไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ของไฟแนนท์ดู และแจ้งกับทางไฟแนนท์ว่าไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว เรื่องเลยเงียบไป ไม่ทราบว่าในกรณีนี้ แม่สามารถยกเป็นเหตุทำการฟ้องหย่ากับพ่อได้หรือไม่ค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ใบพลู (nong-pool-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2008-11-24 17:03:10 IP : 198.36.95.11 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2941709) | |
1.ต้องให้คุณพ่อยินยอมด้วยจึงจะเปลี่ยนแปลงชื่อในเอกสารสิทธิ์ได้ครับ.....อีกแนวทางหนึ่ง คุณแม่ของคุณในฐานะคู่สมรสขอเพิ่มชื่อในเอกสารสิทธิ์ได้ คือเป็นเจ้าของร่วม สองคนกับคุณพ่อ วิธีนี้ก็มีประโยชน์คือ ถ้าคุณพ่อจะนำไปโอนให้ผู้อื่น คงทำไม่ได้ ถ้าคุณแม่ไม่ยินยอม....... ไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการ......แต่คงมีค่าใช้จ่ายพอสมควรครับ 2. ทำตามข้อ 1 และให้คุณแม่ร้องขอแบ่งครึ่งสินสมรส ......แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ลูกๆควรไปเจรจาขอร้องคุณพ่อให้โอนที่ดินให้ ด้วยความพันแห่งสายโลหิต คุณพ่อน่าจะไม่ใจดำนิ่งเฉย คงยอมแบ่งให้ หรือโอนให้ครับ... 3. การแยกกันอยู่เกิน 3 ปี ก็สามารถฟ้องหย่าได้ ไม่ต้องเอาเรื่องรถยนต์มาเกี่ยวข้องก็สามารถฟ้องหย่าได้......แต่การหย่าอยากให้เป็นทางสุดท้ายเมื่อไม่มีทางแก้ไขแนวทางอื่นๆแล้ว... ถ้าจะหย่าจริงควรใช้วิธีตกลงเจรจากันด้วยสันติวิธี และไปจดทะเบียนหย่าที่เขตหรืออำเภอ.....ควรหลีกเลี่ยงการฟ้องศาล...เพราะจะทำให้สูญเสียเงินทองโดยไม่จำเป็น และคงมีความบาดหมางใจกันไม่รู้จบครับ.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2008-11-25 09:51:56 IP : 125.26.110.44 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2941856) | |
ขอบคุณค่ำ สำหรับคำแนะนำ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ใบพลู (nong-pool-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-11-25 13:17:34 IP : 198.36.95.11 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1088587 |