-ถ้าปรับเข้ากับข้อกฎหมาย ก็คือสัญญาจ้างทำของ    ถ้าผู้รับจ้างทำไม่ครบตามสัญญา  ผู้ว่าจ้างก็มีสิทธิ หักเงินค่าจ้างลงตามส่วน  ในส่วนที่ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาได้    แต่......เรื่องนี้เป็นปัญหาทางแพ่ง ถ้าเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องไปฟ้องศาลครับ  ตามที่คุณเล่ามาฝ่ายผู้รับจ้างยังไม่มอบภาพถ่ายในงานให้เพื่อไว้ต่อรองกับคุณ  คือถ้าคุณไม่จ่ายเงินงวดสุดท้าย    เขาก็ไม่มอบภาพถ่ายให้    ก็นับว่าเขาวางแผนไว้เป็นอย่างดีสมมืออาชีพ   ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็มีทางเดียวคือฟ้องศาลดังกล่าวข้างต้น....

--ขอแนะนำให้ใช้การเจรจากันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  ผมตระหนักดีว่าการที่เขาปฏิบัติไม่ครบตามสัญญาเป็นเรื่องเสียหายร้ายที่ไม่สามารถแก้ไขได้  แต่คุณต้องปรับตัวปรับใจเพื่อรับความจริงว่าการจัดงาน  โดยว่าจ้างมีอาชีพมาจัดการให้  สุดท้ายมักจบลงแบบคุณแทบทุกราย   คือมีแต่ขาดกับเกิน  เรื่องพอดีพอเหมาะตามที่เราต้องการคงเป็นไปได้ยาก  ไหนๆก็สูญเสียมามาก เรื่องข้อบกพร่องที่คุณพบก็ลืมเสียเถิด    งานแต่งงานสามารถลุล่วงไปด้วยดีถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตของคู่บ่าวสาว  ถ้าไปมีคดีความน่าจะทำให้เสียฤกษ์หรือเสียความรู้สึกเปล่าๆ  พูดก็พูดเถอะการจัดงานในโรงแรมหรูๆก็คือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำดีๆนี่เอง   ผลพวงที่ได้มาคือเกียรติยศชื่อเสียงของงงศ์ตระกูล   ถ้ามีปัญหาในเรื่องจัดงาน  สิ่งเหล่านี้อาจต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย....ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคม   ก็ตรองดูเถิดว่ามันจะคุ้มค่าหรือ    ด้วยความปรารถนาดีครับ

กรณีของคุณอรเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งในเรื่องเป็นการผิดสัญญาจ้างทำของ ซึ่งตามกฎหมายผู้รับจ้างมีหน้าที่ คือ  

     1.ต้องทำงานให้สำเร็จตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ 

     2.ต้องรับผิดชอบในความบกพร่องของงานที่รับจ้าง ซึ่งกรณีนี้ผมขอแนะนำคุณอรว่าหากคุณคิดจะฟ้องร้องก็ควรที่จะมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปถึงบริษัทฯ ดังกล่าวว่าว่าการจัดงานไม่ครบตามที่ได้ตกลงกันไว้ ก็เพื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐานในภายหลังได้ เพราะมิฉะนั้นจะถือว่าคุณยอมรับการจัดงานที่บกพร่องนั้นโดยมิได้อิดเอื้อน ก็ทำให้ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด และหากจะฟ้องก็ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่ วันที่ได้ส่งมอบงาน ก็คือวันจัดงานนั้นเอง

         และในกรณีดังกล่าวคุณเองก็มีสิทธิที่จะลดสินจ้างได้ตามส่วนที่บริษัทฯ ไม่ได้ทำให้คุณตามที่ตกลงไว้

          แต่ผมคิดว่าหากว่าเงินงวดสุดท้ายมีไม่มากนักคุณก็ควรจะทำใจดีกว่า เพราะว่าเราก็ได้รูปที่ระลึกในงานแต่งงานของเรามาดู ซึ่งหากจะคิดฟ้องร้องก็จะเสียเวลาเพราะกว่าคดีจะเสร็จสิ้นก็ใช่เวลาเป็นปี และเสียความรู้สึกมากกว่า ผมเองก็มีความคิดเห็นเหมือนกับคุณผู้เฒ่า เพราะไหนๆ งานเราก็จัดเสร็จไปแล้ว ผมแนะนำว่าคุณก็น่าจะชี้แจงกับทางบริษัทฯ ก่อน ซึ่งหากเขาไม่ยอมจริงๆ ก็ต้องยอม ซึ่งเราเองทำได้อย่างมากก็เอาไปบอกต่อคนอื่นว่าบริษัทฯ นี้เป็นยังไงจะได้เตือนไม่ให้มาใช้บริการ

         ส่วนในกรณีที่ทางษริษัทฯ เขาได้ให้ทางโรงแรมเป็นผู้จัดดอกไม้ซึ่งทางโรงแรมก็ไม่ได้คิดเงินอะไร แต่ทางเขามาเก็บเอากับคุณ ในส่วนนี้คุณก็ต้องจ่ายเขาไปเพราะว่าตามสัญญาบริษัทฯ มีหน้าที่ที่จะต้องจัดดอกไม้แล้วเขาก็จัดให้คุณแล้ว ส่วนการที่เขาจะเอาไปให้ใครเป็นคนจัดก็เป็นเรื่องของเขา

 มีสัญญาจ้างทำงานแต่งไม่ค่ะ