1.กรณีให้ที่ดินนั้น ถ้าเป็นการให้ระหว่างบุพการี กับผู้สืบสันดาน ค่าธรรมเนียมนั้นเขาจะคิดแค่ 0.5 ของราคาประเมิน แต่ยังจะต้องเสียค่าอากรอีก 0.5 ของราคาประเมินหรือราคาทุนทรัพย์ (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)  ซึ่งแน่นอนค่าธรรมเนียมในการโอนมันย่อมถูกกว่าการซื้อขายอยู่แล้วมากด้วย

-ถ้าเป็นการซื้อขายนั้น คร่าวๆ โดนแน่ๆ ค่าธรรมเนียมในการโอน 2.0 % ของราคาประเมินราชการ อากรอีก 0.5 ของราคาประเมิน หรือราคาทุนทรัพย์ (แล้วแต่จะนวนใดสูงกว่า) ภาษีเงินได้โดยคำนวณตามอัตราก้าวหน้าอีก แล้วคูณตามจำนวนปีที่ถือครอง ภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 3.3 % ของราคาประเมินหรือราคาทุนทรัพย์แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า

ดังนั้น ถ้าซื้อขายกันหลักง่ายๆ 1.0 ล้าน ก็โดนค่าโอนปาเข้าไปประมาณ 6 % แล้ว ก็ประมาณ 60,000.- บาท อันนี้กรณีไม่มีกฎหมายยกเว้นภาษี หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเข้ามาช่วยนะครับ เพราะว่าปัจจุบันมันมีหลักเกณฑ์ได้รับส่วนลดภาษีของรัฐบาลชุดนี้เข้ามาช่วยแล้ว เป็นกรณีไป

2. ส่วนกรณีที่เป็นการโอนโดยเจ้ามรดกเสียชีวิตนั้น มันต้องมีการร้องจัดการมรถกก่อนแล้วเมื่อได้คำสั่งศาลจึงจะสามารถไปทำเรื่องการโอนได้ที่สำนักงานที่ดิน

-ค่าธรรมเนียมในการโอนนั้น เขาจะคิด 5.0 % เท่านั้นเอง โดยไม่ต้องเสียอากรอีก แต่ๆๆๆๆๆ ต้องเป็นการโอนโดยตามลำดับทายาทโดยธรรมลงมาเท่านั้นนะครับ ยกตัวอย่างเช่นผู้จัดการมรดกโอนให้แก่พี่ชายเจ้ามรดก หรือ บุคคลภายนอก อย่างนี้แล้วนั้น โดนเต็มๆเหมือนกรณีขายเลยนะครับ ข้อแตกต่างมันอยู่ตรงนี้ เข้าใจ๋........

สรุป มันจะใช้แทนเป็นพินัยกรรมไม่ได้ เพราะว่ากรณีการโอนมรดกนั้น มันต้องมีคำสั่งศาลอนุญาตให้เป็นผู้จัดการมรดกเข้ามาแนบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินเขาถึงจะยอมทำเรื่องให้ และค่าธรรมเนียมในการโอนก็แตกต่างกันอีก

ปล. เรานี่เก่งจริงๆรู้ซะไปหมด (แต่ไม่ทุกเรื่อง) ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...

-การให้ที่ดินจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการการจดทะเบียนโอนให้ถูกต้อง..

-สำหรับพินัยกรรรมเป็นข้อกำหนดเผื่อตายของเจ้ามรดก จะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อพินัยกรรม  ทำถูกต้องตามแบบ  และทำพินัยกรรมต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน  ผู้มีสิทธิ์รับมรดกต้องไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้โอนที่ดินให้ตามพินัยกรรมเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม   การรับมรดกจึงจะสมบูรณ์  ในทางปฏิบัติเจ้าพนักที่ดินมักให้ไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยืนยันว่าผู้รับมีสิทธิ์รับมรดกตามพินัยกรรมหรือไม่   เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าพนักงานที่ดินถูกฟ้องในภายหลัง

-ทั้งสองกรณีจึงมีความแตกต่างกัน  คือการให้โดยเสน่หา  ผู้ให้สามารถไปจดทะเบียนโอนให้ได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงแก่กรรมเหมือนพินัยกรรมครับ

ขอบคุณมากๆเลยจ้า ทั้ง ผู้เฒ่า และเฮ้อ ที่ไขข้อข้องใจ  แต่มีต่ออีกนะจ๊ะ กระทู้ใหม่

อย่างเห็นรูปแบบของหนังสือสัญญาให้เช่าที่ดินช่วยส่งมาทางอีเมล witnamkhum-22@hotmail.co.thด้วยครับขอบคุณมากครับ

 ถามหน่อยค่ะ ถ้าจะขายบ้านที่ซื้อมา 3 ปี และมีเจ้าบ้านเข้าอยู่เกิน 1 ปี ต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% หรือไม่ค่ะ

 ทด.14 แม่โอนที่ให้แล้วแต่ไม่ระบุสิ่งปลูกสร้างด้วยแก้ไขได้มั๊ยค่ะถ้าจะให้รวมสิ่งปลูกสร้างด้วย