การเช่าซื้อ

   คุณผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ส่งงวด  และมีรถไว้ในครอบครอง  การขายรถให้ผู้อื่น  เป็นการทำผิดเงื่อนไข แต่ ก็โชคดีที่บริษัท  ไม่ดำเนินคดีอาญา ข้อหายักยอกทรัพย์  เพียงฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเท่านั้น....เมื่ีอมีการประมูลขายรถได้ราคาต่ำ  บริษัทจึงสามารถเรียกค่าส่วนต่าง จากผู้เช่าซื้อได้อีก ภายในอายุความ 10 ปี....ส่วนผูัหลอกซื้อ  แม้มีความผิด และยินยอมชดใช้ ค่าเสียหาย   ก็เป็นหน้าที่ของคุณต้องไปเรียกร้องในส่วนนี้เอาเองต่างหาก   ส่วนบริษัท หรือผู้รับซื้อหนี้ ก็จะไล่เบี้ย จากคุณที่เป็นผู้เช่าซื้อเท่านั้น...

 แต่ทางบริษัทเดิมรับทรายมาโดยตลอดและยังไปฟังคำพิพากษาด้วย และนิติกรของบริษัทเดิมยังทำหนังสือแจ้งว่าเราเป็นผู้เสียหายและให้ผู้ต้องหาเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้เราด้วย และยังขอสำเนาสำพิพากษาจากเราไปด้วย แต่หลังจากนั้นทางบริษัทเดิมได้ขายข้อมูลหนี้ให้กับอีกบริษัทหนึ่งไป บริษัทใหม่จึงแจ้งศาลให้ออกมายศาลแจ้งให้เราไปศาลเพื่อรีบทราบว่าบริษัทใหม่ยื่นคำขอร้อง เพื่อติดตามหนี้แทนบริษัทเดิม แบบนี้เราต้องเอาคำพิพากษาคดีอาญาเดิมไปยื่นแสดงต่อศาลอีกหรือไม่ ว่าเราเป็นผู้เสียหายและมีผู้รับผิดชอบแทนแล้ว

ขอความเห็นครับ/ขอบคุณครับ

คำพิพากษา

  หลักการ....คำพิพากษาย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก  แม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้ผู้ซื้อรถ  ต้องรับผิดต่อ คุณผู้เช่าซื่้อ  แต่บริษัท คงไปใช้สิทธิเรียกร้องไม่ได้  เพราะไม่ใช่คู่ความ (เป็นบุคคลภายนอก)  คุณจึงมีหน้าที่ต้องไปเรียกร้อง จากผู้ซื้อรถเอาเอง...   เมื่อมีการขายหนี้  บริษัทที่รับซื้อหนี้ จึงสามารถไล่เบี้ยจากคุณได้...

 ในคำพิพากษา ให้ผู้ต้องหาจำคุกในคดีอาญา และ ให้ชดใช้รถยนต์ 1 คัน หรือ จำนวนเงินด้วย  หากเป็นแบบนี้ เราสามารถพูดคุยให้บริษัทเรียกร้องเอาความกับผู้ต้องหาได้เลยหรือไม่ โดยใช้อำนาจศาลบังคับเอาความตามคดีอาญา... เพราะผมมีเอกสารทั้งหมดที่เข้าขอรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดแทนเรา และมีเอกสารที่ทางนิติกรบริษัทเดิมยินยอมให้ผู้ต้องหาชดใช้ค่าเสียหายแทนเราด้วย...  แบบนี้พอจะเจรจากับบริษัทใหม่ได้หรือไม่ครับ

 คำพิพากษา(ต่อ)

  ก็ตอบตามหลักการเดิม  คือ  คุณมีหน้าที่ต้องไปไล่เบี้ย หรือเรียกร้องจาก ผู้ที่หลอกซื้อรถ  ที่ศาลให้รับผิด ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง   คำพิพากษาที่ให้จำเลยรับผิดตามฟ้อง    ไม่ทำให้หนี้ที่คุณมีอยู่กับบริษัทระงับไป  คุณยังมีหน้าที่ต้องใช้ัหนี้ กับบริษัท...