ReadyPlanet.com


การขโมยโทรศัพท์มือถือไปขาย


อยากทราบว่าถ้าโทรศัพท์เราได้ถูกขโมยไปขาย  ตั้งแต่เดือนมิ.ย.50  ทางเรารู้ตัวคนที่เอา และก็ได้ติดตามเขามาชดใช้  โดยที่เราไม่ได้แจ้งความ  เพื่อที่จะให้มาชดใช้เงินส่วนนี้  และเขาได้ผ่อนส่งเงินมาได้เพียงสองงวด  แล้วเขาก็ไม่ส่งต่อ  คือเราได้ตั้งราคาโทรศัพท์มือถือไว้ที่ 8000 บาท เขาได้ส่งมาแค่ 2000 บาท แล้วเขาไม่ผ่อนส่งต่อ โดยทางเราได้แจ้งความไว้เพื่อเรียกเขามาไกล่เกลี่ย แต่ทางเขาไมยอมจ่ายทั้งๆที่เขามีเงินเดือน มีงานทำเดือนละเป็นหมื่น แต่ตัวผมกำลังศึกษาอยู่ เราสามารถใช้ทนายกลางได้ไหมคับ ??? เสียเงินค่าขึ้นศาลเท่าไหร่คับ ???แล้วพอจะมีวิธีใดที่จะเอาผิดเขาได้บ้างคับ ??? เพราะทางเขาได้ให้เพื่อนๆของเขาโทร.มาด่าผมบ้าง พ่อแม่ผมบ้าง โดยไม่ยอมเลิกรา แล้วจะมีวิธีใดไหมคับที่จะได้เงินจากเขาคืน  เพราะเราไม่สามารถจะแจ้งความว่าลักทรัพย์ได้แล้ว เพราะได้ตกลงว่าจะส่งเงินคืนแทนโทรศัพท์ ผมจะต้องทำอย่างไรดีคับ ?????



ผู้ตั้งกระทู้ เบล :: วันที่ลงประกาศ 2008-02-20 06:37:16 IP : 222.123.166.108


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1601643)
-คุณสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับเขาในข้อหาทรัพย์ได้  การตกลงยอมความกันให้เขาผ่อนส่งเพื่อใช้หนี้  ไม่ทำให้คดีลักทรัพย์สิ้นสุดหรือจบลงได้เพราะเป็นคดีนี้ไม่สามารถยอมความกันได้ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2008-02-20 18:38:47 IP : 125.26.108.175


ความคิดเห็นที่ 2 (1602325)

ขอบคุณคับที่ให้คำแนะนำกับผม

แต่เมื่อวันที่17กุมภาพันธ์ผมได้ไปแจ้งความไว้แล้วทางตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้ประมาณว่า...
ชั้นนี้ยังไม่ประสงค์ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคู่กรณี
ให้มาไกล่เกลี่ยกับเรื่องหนี้ดังกล่าว.

โดยที่ผมบอกแล้วว่ามาแจ้งความคู่กรณีที่ขโมยโทรศัพท์ไป

คือ......ทางตำรวจเขาบอกว่าผมไม่สามารถแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับคู่กรณีได้
เพราะว่าถ้านับจากวันที่เขาได้ขโมยโทรศัพท์มือถือไปขาย เกิน 3 เดือนแล้ว
ไม่สามารถแจ้งได้ อายุความหมดลงแล้ว...
แล้วยังบอกผมอีกว่าเป็นคดีแพ่งแล้วไม่ใช่คดีอาญาเอาผิดกับคู่กรณีไม่ได้

"ผมสามารถแจ้งความได้อีกครั้งหรือไม่คับ ???
แล้วถ้าเขาไม่ยอมผ่อนเงินผม ผมสามารถทำอย่างไรได้บ้างคับ ????"


 

ผู้แสดงความคิดเห็น เบล วันที่ตอบ 2008-02-20 20:01:41 IP : 117.47.188.235


ความคิดเห็นที่ 3 (1611247)

-ก็เป็นไปได้ที่ตำรวจมองว่าคดีของคุณไม่ใช่เป็นคดีลักทรัพย์   เพราะตำรวจคงมองตรงจุดที่ว่าคุณให้เขาผ่อนคืนค่าโทรทัศน์เป็นงวดๆ ก็เข้าข่ายเป็นการซื้อขายเงินผ่อนธรรมดา   เมื่อเขาไม่ผ่อนต่อ ก็ถือว่าเป็นคดีฉ้อโกง  ซึ่งเป็นคดีที่สามารถยอมความได้       ถ้าไม่ร้องทุกข์(แจ้งความ) ภายใน  3 เดือนย่อมขาดอายุความ......

-ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย  คือจะมองว่าเป็นฉ้อโกงก็ได้  หรือเป็นการลักทรัพย์ก็น่าจะเป็นได้เช่นกัน เป็นเรื่องก้ำกึ่งกัน......   แต่ตามความเห็นของผม  ถ้ามี พฤติกาณ์ตามที่คุณเล่ามาน่าจะเป็นเรื่องลักทรัพย์   แม้เกิน  3  เดือนก็ยังสามารถร้องทุกข์ให้ลงโทษเขาได้...แต่เมื่อตำรวจมองว่าเป็นการฉ้อโกง  แม้ไปแจ้งตำรวจอีกเขาก็คงยืนยันตามความคิดเดิม คือบอกว่าไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ผิดได้......

-คำแนะนำ  ผมมีทางออกให้คุณสองแนวทางคือ

1.  เชื่อตำรวจว่าเป็นเพียงการฉ้อโกง  เมื่อไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ ก็ฟ้องเรียกค่าโทรศัพท์ทางแพ่งได้....แต่คงจะไม่คุ้มค่าแน่นอน      หรือ

2.  แม้ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องฉ้อโกง  คุณก็สามารถให้ทนายฟ้องเขาต่อศาลโดยตรงในข้อหาลักทรัพย์ได้  แต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงต่อการถูกยกฟ้องได้ง่ายๆ  เพราะต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องก่อน   เพราะไม่ผ่านการสอบสวนของตำรวจก่อน  ถ้าจะดำเนินการตามข้อนี้  ควรหาทนายความปรึกษาให้ชัดเจนอีกครั้งเพื่อป้องกันความผิดพลาดครับ...

-ปัญหาของคุณ เป็นเรื่องง่ายๆ  ถ้าคุณแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีในข้อลักทรัพย์ตั้งแต่แรก  ป่านนี้เขาคงวิ่งมาเคลียร์กับคุณอุตลุดแน่นอน    แต่....เมื่อคดีพลิกแพลงไปเช่นนี้   โอกาสที่คุณจะได้รับค่าชดใช้คืนคงเหลือศูนย์  บางทีอาจติดลบด้วยซ้ำครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2008-02-21 15:01:28 IP : 125.26.109.136


ความคิดเห็นที่ 4 (1612690)

อย่างนี้ผมก็ต้องปล่อยเขาไปใช่ไหมคับ

ปล่อยเขาไปถือว่าทำบุญดีกว่านะคับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เบล วันที่ตอบ 2008-02-21 17:38:09 IP : 117.47.112.237


ความคิดเห็นที่ 5 (1612709)
ขอบคุณมากนะคับที่ให้คำแนะนำกับผม
ผู้แสดงความคิดเห็น เบล วันที่ตอบ 2008-02-21 17:40:44 IP : 117.47.112.237



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.