-พี่ชายไม่มีบุตร  เมื่อเขาถึงแก่กรรม   ภรรยาจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกกึ่งหนึ่งครับ   ส่วนอีกกึ่งหนึ่งแบ่ง พ่อและบุตรคนละเท่าๆกัน...

1.สามารถทำได้ถ้าสะใภ้เขาไม่โต้แย้ง

2. ถ้าบ้านอยู่ระหว่างผ่อน  ผู้รับโอนก็ผ่อนต่อไปครับ

3.  เมื่อโอนให้พี่ชาย   เมื่อเขาเสียชีวิต  ทรัพย์สินย่อมเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม  และแบ่งปันกันดังกล่าวข้างต้น  ถ้าไม่แบ่งให้ภรรยาของเขา ก็คงมีเรื่องฟ้องร้องกันแน่นอน

4.  การเป็นผู้จัดการมรดก  มีหน้าที่นำมรดกของผู้ตายมาแบ่งปันทายาทของเจ้ามรดกตามสิทธิของแต่ละคน.....ถ้าว่ากันเคร่งครัดตามกฎหมายต้องทำบัญชีทรัพย์สินของเจ้ามรดกยื่นต่อศาล    ถ้าจัดการมรดกโดยไม่ชอบ  อาจถูกยื่นถอดถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้

5. ถ้าผ่อนขณะสมรสย่อมเป็นสินสมรส  ใครช่วยออกเงินบ้างคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เว้นแต่จะมีหลักฐานหรือสัญญาระบุไว้ชัดเจน   ถ้าเพียงช่วยเหลือลอยๆคงนำมากล่าวอ้างให้ศาลรับฟังลำบาก  การจะไม่ให้ภรรยาของเขาได้รับส่วนแบ่ง เขาจะยอมหรือครับ

6.ผู้จัดการมรดกจะจัดการมรดกต้องจัดการทรัพย์สิน(จำหน่าย  จ่าย  โอน)  ต้องให้ทายาทรับรู้ยินยอม   ก็มีตัวอย่างในสังคมที่เห็นๆกันอยู่คือผู้จัดการมรดกมักจัดการมรดกตามอำเภอใจ  ถ้าทายาทไม่รู้ทันเรื่องก็คงจบ    แต่ถ้าทายาทเขารู้ทัน   คงถูกยื่นถอดถอนจากผู้จัดการมรดก  และอาจถึงขั้นถูกตัดไม่ให้รับมรดกได้......นักกฎหมาย   หรือผู้รู้กฎหมายมีมากมายทั้งแผ่นดิน   เรื่องเขาไม่รู้เท่าทันในปัจจุบันคงแทบไม่มีครับ.....

7. ภรรยาได้กึ่งหนึ่ง    อีกกึ่งหนี่ง  พ่อและพี่น้องแบ่งคนละเท่าๆกัน   แต่ถ้าตกลงประนีประนอมกันได้จะแบ่งปันอย่างไรย่อมทำได้เสมอครับ....

-คำแนะนำควร  หาทางเจรจาตกลงประนีประนอมกัน  โดยหาผู้ใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายเคารพนับถือ  ช่วยไกล่เกลี่ยให้  น่าจะดีกว่าต้องเป็นคดีความในชั้นศาล...และอยากติงคุณสักนิดให้สลัดความคิดที่ว่า  พี่สะใภ้มาแต่ตัว...  ถ้าคุณยังยึดติดตรงจุดนี้ ก็คงยากที่จะประนีประนอมออมชอมกันได้.....คุณครับใครๆก็มาแต่ตัวกันทั้งนั้น ทรัพย์สินก็ได้มาภายหลังกันทุกคน  และแม้มีสมบัติพัสถานมากมาย  เมื่อตาย ก็ไปแต่ตัวอยู่ดี......