ดิฉันได้ทำการตกลง กับ นางสาว ก  โดยวาจา เพื่อซื้อร้านกาแฟ  ราคา 2 แสบาท  น พร้อมสอนสูตร  โดย วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 โดยข้าพเจ้าได้โอนเงินทาง TMB Touch เพื่อจ่ายเงินก้อนแรกให้เจ้าของเดิม คือ นางสาว ก  จำนวน 1 แสนบาท  และนาง ก ได้ให้ข้าพเข้าเขียนสัญญาซื้อขายร้าน ขึ้นเอง  แล้วเค้าจะเซ็นให้ย้อนหลัง ในวันที่นัดชำระเงินที่เหลือ  โดยมีเงื่อนไข

1. สอนสูตรการชงกาแฟ (ชงแบบไม่เครื่องชงกาแฟ)  และชานมไข่มุก และมีค่าเช่าร้านเดือนละ 6 พันบาท 

2. สามารถ สั่งซื้อวัตถุดิบผ่าน นางสาว ก

3. มียอดขายต่อเดือน หลังหักค่าใช้จ่าย เหลือ 2 หมื่นบาท และ

4. ในร้าน ไม่มีหนู ตะขาบ เข้าภายในร้านได้

ในวันที่ 3  ของการ เปิดร้านขายกาแฟ  นางสาว ก  ผู้ขายร้าน ก็หายไป ไม่สอนต่อ  และเธอแจ้งว่าต้องดูแลมารดาที่ป่วยในโรงพยาบาล   วันที่ 3 และต่้อมา ดิฉันเปิดร้านตอนเช้า พบถุงใบชา และวัตถุดิบอื่น ที่เก็บไว้ในตู้เก็บของพลาสติก ถูกหนูกัดใบชา โอวัลติน ชอคโกแลต ขนม เสียหายทั้งหมด  (ในวันแรก และวันที่่ 2 เค้ามาเปิดร้านคนแรก ข้าพเจ้าจึงไม่ทราบว่ามีหนู)  และ ญาตของร้านค่้าข้างเคียงที่ดิฉันจ่ายเงินค่าเช่าให้ มาพุดว่า ไม่อยากให้มีการโอนเปลี่ยนมือเจ้าของแล้ว  ที่ผ่านมาเค้าเห็นใจจึงปล่อยให้ทำการซื้อขายกันต่อๆมา  และบอกว่า ร้านกาแฟ ร้านนี้ ตั้งบังหน้าร้านต้นไม้ และร้านก๋วยเตี่ยวของเค้า    ดิฉันบอกว่า ไม่ต้องมาเห็นใจ เพราะ ฉันเสียเงินซื้อร้าน และจ่ายค่าเช่าร้านให้  คุณควรต้องบอก ตั้งแต่ก่อนซื้อขายร้านแล้ว 

วันที่ 19 ก.ค. ดิฉันแจ้งผู้ขายร้านว่า ขอไม่ซื้อร้าน และ ขอเงินที่จ่ายมัดจำคืน  เพราะ รู้สึกเหมือนถูกหลอกให้มาซื้อร้าน ทีเจ้าของเดิมทำเจ๊ง  และอาจมีปัญหาในอนาคต เรื่องการให้ผู้อื่นเช่า หรือ เซ้งต่อ   แต่นางสาว ก ปฏิเสธ ไม่คืนเงิน 1 แสนบาท ทุกกรณ๊   และข้าพเจ้าเสนอเงื่ิอนไข  ขอเป็นหุ้นส่วนร้านคนละครึ่ง  และไม่จ่ายค่าร้านส่วนที่เหลือเพิ่มแล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าว    และ ถ้าร้านมีการซื้อขายให้คนอื่นต่อ  ให้เค้าคืนเงินมัดจำ 1 แสนบาทของข้าพเจ้าคืน แต่เค้าปฏิเสธ ไม่รับทุกข้อตกลง    ช่วงเวลา 1 เดือนครึ่งมีความทุกข์ใจรู้สึกเสียดายเงิน ไม่มีความสุขในการทำร้าน   แต่เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องตั้งใจเปิดร้านขายกาแฟและชานมไข่มุกต่อ และเปิดทุกวันไม่หยุด  และมีลูกค้าประจำบ้าง 2 - 3 ราย  และเปิดขายจนถึงเสาร์ที่ 31 สิงหา 2562 นี้ค่ะ  

ข้าพเจ้าตัดสินใจ ปิดร้าน เพราะยอดขายไม่ได้ตามที่คิดไว้  ในวันธรรมดา ขายได้ 3 - 5 แก้ว  วันเสาร์อาทิตย์ขายได้ 10-15 แก้ว  ไม่เกิน 20 แก้ว  ต้นทุนวัตถุดิบอยู๋ที่ 60 ฃ%   คิดว่า ถ้าลงทุนทำต่อใน Brand เดิม ย่อมขาดทุนแน่นอน  และปัญหาในอนาคต เรื่อง ผู้ให้เช่าที่ดิน (ที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน แต่่ ติดเจ้าของที่ดินค่ะ) อาจงอแง ถ้ามีการเช่า/เซ้งต่อ เพื่อทำธุรกิจอื่น    ดิฉันจึงโทรแจ้ง นางสาว ก  อีกครั้งว่า ขอคืนร้าน  และ ขอคืนเงิน 1 แสนบาท หรือ บางส่วน  เค้าปฏิเสธ  และบอกว่า ตอนเค้าขายเอง ยอดขายขายดี  เธอขายยังงัย ขายไม่ได้  และ ท้าให้ไปแจ้งความ ฟ้องศาลไหน เค้าก็ไม่กลัว

วันที่ 2 กันยา ดิฉันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ  โดยไม่มี สัญญาเซ้ง ไม่มีสัญญาเช่า  มีแต่เอกสารการโอนเงิน 1 แสนบาท   และ สำเนาบัตรประชาชน ของคู่กรณี   ผู้กองรับแจ้งทางวาจา ว่า บังคับให้เค้าคืนเวงินนั้ย ทำได้ยาก เพราะ ไม่มีสัญญา แต่ ตำรวจ  ได้ช่วยโทรสอบถาม เรื่องราว  นางสาว ก  นัดไกล่เกลี่ย  หลังวันที่ 5 ก.ย.  อ้างการดูแลมารดาป่วย 

1. โทรสอบถาม สคบ แล้วค่ะ  เจ้าหน้าที่ สคบ บอก ไม่มีหลักฐานฯ ไม่เกี่ยวกับงาน สคบ

2. ขอความกรุณาจากท่าน  โปรดแนะนำ การร่าง การเขียนสัญญาซื้อขายร้านกาแฟ /กรณ๊เซ้งร้าน    เพื่อข้าพเจ้าจะนำ ให้ผู้ขายเซ็นรับเงิน  ย้อนหลังในวันที่ไกล่เกลี่ย นี้ด้วยค่ะ

2. ถ้า นางสาว ก (ผู้ขายร้าน) ไม่ยอมเซ็นสัญญา    ดิฉันสามารถใช้ บันทึกฯ ในวันที่นัดไกล่เกลี่ย ที่สถานีตำรวจ ได้ หรือไม่ ค่ะ ?  หรือ สามารถใช้เทปบันทึกเสียง  เพื่อยืนยัน ว่า มีการซื้อขายกันจริง ได้หรือไม่ค่ะ

จึงเรียนมา ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ