1.   คุณอย่าไปเสียเวลาทำสัญญาแบบนี้เลย    คงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามสัญญา  คุณก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

2.  การที่เขามีหญิงอื่น   หรือยกย่องหญิงอื่นเป็นภรรยา    ถ้ามีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้  ชัดเจน  ก็ใช้เป็นหลักฐานฟ้องหย่าได้ ครับ

3. เรื่องสัญญาว่าจะทำหมัน   คงไม่สามารถใช้บังคับได้    แต่ถ้าเขาสมัครใจไปทำหมันเองก็คงเป็นดีต่อชีวิตครอบครัว    เพราะความเจ้าชู้ของเขาอาจทำให้มีบุตรนอกสมรสที่สามารถเรียกร้องสิทธิต่างๆ เช่นเดียวกับบุตรได้

เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับคุณนาเดีย นิมิตรวานิชเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่เป็นญาติของคุณนาเดีย ซึ่งเป็นเขยและน้องพ่อของคุณนาเดีย ดังนั้น

ข้อความข้างล่างนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ของญาติคุณนาเดีย

ผู้หญิง : ทำไม คุณถึงมายุ่งกับฉันล่ะ คุณเองก็มีเมียแล้ว

ผู้ชาย : ผมกำลังทำเรื่องหย่ากับเมียอยู่ ตอนนี้ แล้วก็โชว์เบอร์ทนายความมาให้ดู

   บางครั้ง ก็คุยกับทนายให้ดิฉันได้ยิน แล้วดิฉันก็ถามว่า ไปรู้จักและรักกันยังไง

เค้าก็บอกว่า ตอนนั้น เค้าเรียนป.โท อยู่ กำลังฝึกงาน ผู้หญิง (เมียหลวงคนปัจจุบัน)

ก็มาหาเค้าที่หอพักบ่อย ๆ เอาของมาให้บ้าง บางครั้ง ก็ช่วยเหลือผม อันนี้ไม่รู้ช่วยอะไร

พอท้อง ขึ้นมา ก็พาพี่ชาย (ซึ่งเป็นอาของคุณนาเดีย ) มากระทืบผม ซ้อมผม

ให้รับว่าเป็นผัวและลูกในท้อง ผมเลยต้องยอม ผมไม่ได้รักหรอก

เพราะว่า ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว แฟนผมเค้าไปเมืองนอก ไม่รู้ไปเรียนหรือว่าไปดูงานนะ

อันนี้ไม่ได้ถาม แต่แฟนผมที่อยู่เมืองนอกส่งจดหมายมาให้ตลอด  พี่ชายเมียผม

ชอบเล่นการพนัน มาขอเงินผมใช้บ่อย ๆ ตอนนั้น เค้าทำงานที่เดียวกับดิฉันเงินเดือนอยู่ที่ สองแสน

ห้าหมื่นกว่าบาท แต่เป็นคนงก มาก ๆ ขนาดค่าน้ำมัน ยังให้ดิฉันจ่ายเลย บอกอย่างเดียวว่า

ผมไม่มีเงิน บางครั้ง ดิฉันต้องเลี้ยงข้าวเขา ทั้ง ๆ ที่ดิฉันเงินเดือน ไม่ถึงหมื่น เลยด้วยซ้ำ

แต่เห็น ท้องเค้าร้องเสียงดัง ก็อด ที่จะสงสารไม่ได้ว่าไม่ได้กินข้าวมา ทำแต่งาน ลำบาก

เงินก็หมดไปกับเมียหลวง ค่าทนายที่ทำเรื่องหย่า อะไรประมาณนั้นอ่ะ

ดิฉันถามว่าจริงเหรอ ผู้ชายก็ตอบว่าจริง ดิฉันก็เลยลองใจดู บอกให้เค้าโทรหาตอนกลางคืน

ประมาณ 3 ทุ่ม บ้าง ห้าทุ่มบ้าง อย่างน้อย 3-4 วัน พูดง่าย ๆ ถ้าโทรมาหาได้ทุกวัน ดึก ๆ จะยอมเชื่อ

จริง ๆ จะไปบ้าน ก็ไม่กล้า เพราะผู้ชายเค้าไม่ได้เชิญ และเค้าก็บอกว่า อยู่กับญาติ ๆ กันหลายคน

มันไม่ดีใช่ใหม? ถ้าผู้ชายไม่เอ่ยปากชวนไปบ้าน ถ้าแอบตามไป จับได้ ก็ต้องหมองใจกัน จริงเปล่า?

เค้าก็โทรมาทุกวันจริง ๆ ยกเว้นวันที่ไปกินเลี้ยง หรือประชุมแล้วกินข้าวต่อกับลูกค้า จะไม่โทรมา

เพราะเคยโทรมาแล้วทะเลาะกัน เพราะเค้าจะอารมณ์ไม่ดี จากการประชุม ดังนั้น ดิฉันจะไม่ค่อยคุย

จะบอกว่าเมียหลวงไม่รู้เรื่อง คงเป็นไปไม่ได้  นอนห้องเดียวกันในบ้านเดียวกันจะไม่รู้เชียวเหรอ

ว่าผัวตัวเอง คุยโทรศัพท์ ดึก ๆ ทุกคืน นาน ๆ น่ะ ไม่รู้เลยเหรอ? แม้แต่ตอนที่เค้าไปเมืองนอก

ดิฉันก็โทรไปบ่อย ๆ ค่าโทรศัพท์ ก็ไปเก็บกับผู้ชาย ซึ่งเบอร์ดิฉันก็โชว์อยู่จะไม่รู้เลยเหรอ ว่าดิฉัน

โทรไปหาตอนที่เค้าอยู่ที่ฟิลลิปปินส์บ้าง กรีทบ้าง อังกฤษบ้าง โทรไปเกือบ 10 กว่าครั้ง ถ้าอยู่เมืองไทย ก็โทรคุยกันทุกคืน จะไม่รู้เลยเหรอ คุยกันแบบนี้เป็นเกือบปี เมียหลวงไม่รู้ ก็ควายเต็มทนแล้ว

วันนึง ก็มีผู้หญิงโทรมาหาดิฉันว่าเป็นเมียหลวงของผู้ชาย บอกให้เลิกยุ่ง บอกว่ามีทะเบียนสมรส ดิฉันวางสาย ไม่ฟัง ดิฉันเริ่มทะเลาะกับผู้ชาย (แฟนดิฉัน)

ซึ่งอ้างว่าเลิกกับเมียแล้ว ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องรักที่ทะเลาะกันหนักสุด เพราะว่า เลิกกันไม่ได้

ดิฉันไม่ยอม ถ้าเค้าจะไปดื้อ ๆ โดยที่ไม่เคลีย์เรื่องพวกนี้ ให้จบ ๆ ก่อน เพราะว่าคบกันมาเกือบปี

ในวันที่ดิฉันไปตกลง ทั้งเรื่องเงินและหัวใจกับผู้ชาย (ญาติคุณนาเดีย) น้องของพ่อคุณนาเดีย ก็โผล่มา

ตบตีดิฉัน แล้วประจานดิฉัน ทั้งเอาเรื่องดิฉันไปประจานที่ทำงานด้วย แล้วโทรตามมาด่าเป็นระยะ ระยะ

ขู่ว่า จะฟ้องว่าแย่งสามี (ญาติคุณนาเดีย) นับจากวันนั้นมา มันนานมากแล้ว และดิฉันก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวติดต่อใด ๆ กับผู้ชายและตระกูลนิมิตรวาณิชเลย  แต่ญาติคุณนาเดีย (ผู้หญิง) ยังไม่หยุดประจานดิฉัน  ทั้ง ผู้ชายที่ทำตัวเป็นนักเลง (เบอร์ของผู้หญิง) ดิฉันเดาว่า น่าจะเป็น พี่ชายของเมียหลวง โทรมาด่าพ่อ ด่าแม่ดิฉัน ด่าว่าดิฉันเป็นกะหรี่บ้าง บอกว่าเอาเงินผัวของฉันมา ทั้ง ๆ ที่ดิฉันไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว  ดิฉันบอกตรง ๆ เลยว่า ตระกูลนิมิตรวาณิช น่ากลัวจริง ๆ