-1. แจ้ง ณ สถานที่ความผิดเกิดขึ้น  คือที่อยู่ของผู้ให้กู้ได้

2.  ได้...ความผิดฐานฉ้อโกง  ต้องแจ้งความภายในสามเดือนนับแต่ทราบเรื่องความผิด

3-4   ลูกหนี้ เขาบอกไว้เป็นความจริง....  นี่แสดงถึงธาตุแท้ของคนโกง  และไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ที่เขาเรียกกันว่าล้มลงบนฟูก    คือกู้เงินแล้วให้ญาติเก็บไว้    ส่วนตัวเขาก็มีการจำหน่ายจ่ายแจงทรัพย์สิน  ไม่ให้เหลือไว้เพื่อบังคับคดีได้   แม้จะถูกฟ้อง และถูกบังคับคดึ...   เขาก็ยังมีเงินที่โกงมาจับจ่ายใช้สอยได้ไม่เดือดร้อน.....ต้องฟ้องข้อหาฉ้อโกง  และปลอมแปลงเอกสาร  บางทีถ้าเขาเกรงกลัวถูกจำคุก   อาจกระตือรือร้นหาเงินมาใช้หนี้ก็เป็นได้.....คุณก็ประมาทเลินเล่อจนเกินไป  ที่ให้เขากู้โดยการโอนเงินให้   ไม่มีการตรวจสอบโฉนดที่ดินกับสำนักงานที่ดินว่า  เป็นฉบับจริงหรือไม่......แม้เป็นโฉนดฉบับจริง   แต่ก็มีลูกหนี้เจ้าเล่ห์หลายราย   ไปแจ้งว่าโฉนดหาย  และทำใบแทน  และนำไปจดทะเบียนขายให้ผู้อื่น   เจ้าหนี้ก็  หลงนอน กอดโฉนดปลอมเป็นปีๆ(โฉนดจริง  เมื่อแจ้งหาย    และทำใบแทน   โฉนดฉบับจริงก็ใช้ไม่ได้   ก็ไม่ต่างจากโฉนดปลอม)....การยึดโฉนดไว้  ต้องทำสัญญาจำนอง   และสลักหลัง  โดยมีเจ้าหนี้  เป็นผู้รับจำนอง   จึงจะพอป้องกันลูกหนี้เล่นตุกติกได้ครับ....

โอกาสที่เราจะชนะฉ้อโกงมีกี่เปอร์เซ็นต์ค่ะแล้วถ้าศาลสั่งยกฟ้องก็แสดงว่าเราไม่ได้อะไรเลยหรือเปล่า

-เรื่องแพ้ชนะ   คงตอบไม่ได้    เพราะเรื่องของคดีความต้องผ่านขั้นตอนมากมาย   ทั้งตำรวจ  อัยการ  ทนาย  พยานและศาล ก็คงยากจะหยั่งรู้ได้ว่า  แต่ละท่านจะมีการผันแปรไปในทางใด....แต่ตามข้อเท็จจริง   เมื่อเขาใช้โฉนดปลอม  เพื่อหลอกให้คุณยอมมอบเงินกู้ให้         ก็ครบองค์ประกอบการฉ้อโกง คงหนีความผิดฐานฉ้อโกงไม่พ้น  แต่ อย่างที่กล่าวแต่แรก ไม่ทราบว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องท่านจะมีความเห็นอย่างไร   ก็คงตอบไม่ได้ครับ