-การตั้งผู้จัดการมรดก  ถ้าไม่ไว้วางใจกัน   ก็เป็นร่วมกันทุกคน(พ่อและลูกๆทุกคน)ก็ได้....

-หลักการแบ่งปันทรัพย์มรดกตามที่เล่ามา

-1  ส่วนที่แบ่งให้พ่อตา   ถ้าแบ่งให้ก่อนแม่ยายเสียชีวิตไม่เป็นทรัพย์มรดก(ถ้าจดทะเบียนแล้ว)   ดังนั้นพ่อตาจึงเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว..

-2.  ส่วนที่แบ่งให้ลูกสาว  และมีชื่อแม่ยายเป็นเจ้าของร่วม(ถ้าจดทะเบียนแล้ว)  เมื่อแม่ยายเสียชีวิตลง   ลูกสาวจะมีสิทธิในที่ดินแปลงนี้  ครึ่งหนึ่งก่อนในฐานะเจ้าของร่วม    อีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้ทายาท  คนละเท่าๆกัน(คือ พ่อและลูก  4  คน  จึงแบ่งเป็น  5  ส่วนเท่าๆกัน)

-3. ส่วนที่แบ่งให้ลูกสาวคนเดียว   ถ้าแบ่งให้ก่อนแม่ยายเสียชีวิต   ลูกสาวคนนี้จะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว    ไม่เป็นทรัพย์มรดกที่ทายาทอื่นๆจะมาขอแบ่งปันได้แต่อย่างใด 

-4.  ที่ดินที่ชื่อแม่ยายคนเดียว   ย่อมเป็นทรัพย์มรดกที่ตกแก่ทายาททั้ง  5  คนคือพ่อตา ในฐานะคู่สมรสได้รับไปครึ่งหนึ่งก่อน    อีกครึ่งหนึ่ง   แบ่งให้ทายาททั้ง  5  คนคนละเท่าๆกัน

- คำว่าแบ่งให้  หมายความว่าได้มีการจดทะเบียนโอนกันเรียบร้อยแล้ว  ถ้ายังไม่จดทะเบียน   การแบ่งให้ยังไม่สมบูรณ์   ที่ดินนั้นจะตกเป็นมรดก   ที่ตกทอดไปยังทายาททั้ง  5  คนคนละเท่าๆกัน

-ข้อคิด  ทรัพย์สินเป็นของนอกกาย  เป็นสมบัติผลัดกันชม   ควรใช้การประนีประนอมแบ่งปันกันคนละเท่าๆกัน  คือทางออกที่ดีที่สุด .....หลายๆตระกูลมีคดีพิพาทกันในเรื่องแบ่งปันมรดก  สุดท้ายต้องนำทรัพย์มรดกไปขายเพื่อใช้หนี้ในการต่อสู้คดีกัน   นอกจากไม่ได้ทรัพย์สินอะไรแล้ว   ต่างฝ่ายต่างเคียดแค้นชิงชังกัน  ชนิดตายไม่เผาผีกัน   แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร   ติติงตาสมประสาคนแก่ๆที่เห็นเหตุการณ์มามากมายพอสมควรครับ

    ครับผม เห็นด้วยกับแนวคิดของท่าน  เราเกิดมาเป็นญาติพี่น้องกันทรัพย์สมบัติ มาทีหลัง เราสร้างกันเอง   เราควรรักและสามัคคีกันไว้เป็นดีที่สุด เอาไว้ดูแลกันยามตกทุกข์ได้ยากกีกว่า