เรื่องมีอยู่ว่า ถูกญาติที่เป็นสะใภ้ของทางพ่อสามีมาหลอกยืมเงินและอ้างว่าได้ทำให้ชาวบ้านยืมเงินไปปิดหนีธนาคารแห่งหนึ่งที่สามีของตัวเองทำงานอยู่(สามีของเค้าเป็นพนักงานสินเชื่อของธนาคารจริง)ตอนแรก ๆ ก็ให้ยืมในหลักหมื่นแล้วเค้าให้ผลตอบแทนในรูปแบบอัตราดอกเบี้ยร้อยละ สิบต่ออาทิตย์ พอให้ยืมไปเค้าเอามาคืนเค้าก็กลับมายืมใหม่โดยจะบอกว่าวันนี้ก็มียอดให้กู้ยืมอีก ก็เลยให้ยืมไปอีกจนไม่ได้เบิกเงินทุนคืนเลยเป็นโดยใช้วิธีดอกรวมกับต้นเดิมจดบันทึกไว้ จนไม่มีเงินให้ยืมอีกเมื่อเค้ามาบอกว่าวันนี้มียอดให้ชาวบ้านยืมเยอะขึ้น ดิฉันก็เลยโทรไปยืมทางญาติของตัวเองที่ต่างจังหวัดเค้าก็โอนเข้าบัญชีมาให้แต่ดิฉันจะเซนต์มอบอำนาจให้เค้าไปถอนเองที่ธนาคาร
          ส่วนตัวดิฉินและครอบครัวทางสามีให้ความช่วยเหลือเค้าทุกอย่างไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็คิดไม่ถึงว่าเรามีบุญคุณกับเค้ามากจนล้นหัวเค้าคงไม่กล้ามาหลอกลวงแต่ก็ยิ่งกว่าชาวนากับงูเห่า และยังได้มาหลอกลวงเพื่อน ๆ ทางแม่สามีที่มักจะเข้ามาเที่ยวที่บ้านประจำก็นำผลตอบแทนมาให้จริงพวกเค้าต่างก็เชื่อเพราะที่บ้านทางสามีมีฐานทางการเงินและทางสังคมพอสมควรจึงกล้าลงทุนร่วมด้วย แต่พอทำได้สามสีเดือนเริ่มถอนต้นไม้ได้ดอกได้ไม่ครบไม่ตรงตามกำหนด ดิฉันจึงแอบเข้าไปสอบถามทางหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อซึ่งเป็นหัวหน้าของสามีของเค้าที่เค้าอ้างรู้เรื่องเป็นอย่างดี (ตัวดิฉันไว้ใจเค้ามากจนไม่เคยได้ไปสอบถามความจริงจากบุคคลทั้งสองแต่อย่างใด) แต่ได้รับคำตอบคือเค้าไม่ได้กระทำการใด ๆ ทางธนาคารเลยและไม่เคยรู้มาก่อนด้วย จนเรียกตัวเค้ามาสอบถามความจริงต่อหน้าเจ้าของเงินเกือบสิบคน เค้าก็อ้าง (โกหก) อีกว่าได้ให้ผู้หญิงคนหนึ่งยืมเงินไปให้ชาวบ้านปิดเงินกองทุนหมู่บ้านแต่ผู้หญิงคนนั้นหนีไปแล้ว...........และดิฉันจึงพาเค้าไปที่อำเภอให้เจ้าหน้าที่เค้าสืบประวัติของผู้หญิงที่เค้าอ้างให้ยืมไปในประเทศไทยไม่มีชื่อนี้นามสกุลนี้แต่ถ้าพูดถึงคนนี้ต้องชื่อนี้นามสกุลนี้ก็มีอยู่จริงแต่เค้าหนีหนี้จริงแต่ก็ถูกเค้ามาสวมรอยอ้างอีก............และระหว่างที่ความยังไม่แตกเค้าได้ใช้ชื่อเสียงคนที่มีหน้าตาไปหลอกยืมเงินคนนี้มาให้คนนี้ทุกคนก็เชื่อเพราะแต่ละคนน่าเชื่อถือหมดแต่ไม่มีใครถ่ามใครมาจริงหรือไม่เพราะต่างคนต่างไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นเงินของตัวเองมาทำแบบนี้
           พอความแตกได้สามวันเค้ากับสามีก็ไปหย่ากันที่อำเภอ  และได้หลบหนีหายไป แต่ก็มีประมาณสามรายที่ยื่นฟ้องศาลไปแล้วเค้าก็มาแต่จะให้แม่เค้ามาก่อนครั้งแรก   แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้นทางครอบครัวของดิฉันยังถูกเค้าไปพูดกับญาติ ๆ ของตัวเองเละคนที่เค้าไปหลอกเอาเงินมาว่าเงินที่เอาไปก็เอามาให้ดิฉันและแม่สามีทั้งหมด ทั้ง ๆ เค้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าเค้ามาเอากับทางครอบครัวทางสามีและทางญาติที่ต่างจังหวัดไปด้วยเป็นยอดเงินต้นประมาณสี่ล้านเลยที่เดียวและยังของคนที่อื่นอีกก็เยอะมากที่ไม่รู้จักและไม่รู้จัก
           และตัวดิฉันยังเป็นคนที่รับฝากเงินผ่านมือให้กับเค้าอีกเพราะคนที่ไม่ใช่ญาติแต่สนิทกันเค้ามักจะมาฝากเงินที่ดิฉันให้เค้าหรือฝากผลตอบแทนให้อีก บางครั้งยั้งเป็นคนถามยืมเงินให้เค้าเองอีกต่างหากตอนนี้ดิฉันต้องไปกู้เงินทางธนาคารมใช้หนี้แทนเค้าหลายแสนเลยที่เดียวเพราะพวกเค้าที่มีสมัญสำนึกอะไรแล้วกลัวไม่ได้ตังค์ก็เลยมาบีบเอากับดิฉันทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเค้าเป็นคนเอาเงินไปดิฉันก็ถูกโกงไปเหมือนกัน
           ตอนนี้ดิฉันก็ได้รวมตัวกันสิบคนยื่นฟ้องเค้าเพราะไม่สัญญาเงินกู้ใด ๆ เลยนอกจากสลิปที่เซนต์โอนมอบอำนาจให้เค้าไปถอนเองที่ธนาคาร จะมีผลอย่างไรบ้างค่ะ มีโอกาสจะชนะมั้ยค่ะ และตัวดิฉันจะโดนเป็นผู้ร่วมขบวนการณ์ด้วยหรือไม่ แต่ดิฉันไม่ได้โกหกหรือพูดบิดเบือนจากที่เค้าได้กล่าวอ้างเลยแม้แต่น้อยกับเจ้าของเงินคนอื่นทุกคน
            ขอบอกว่าเค้าอายุแค่ยี่สอบห้าเองนะคะทำให้สังคมไม่ยอมเชื่อว่าเค้าทำคนเดียวประจวบเหมาะกับเค้ายังไปโกหกคนอื่นและญาติพี่น้องเค้าและตำรวจที่รู้จักกับเค้าว่าเงินที่ได้มาก็เอามาให้ทางดิฉันหมด
กลุ้มใจมากคะ ถูกโกงจนหมดตัวแล้วยังเป็นหนี้อีก และตัวเองยังใกล้คุกอีกในตอนแรก ดีที่เจ้าของคนส่วนใหญ่เค้าไม่เอาเรื่องกับดิฉันเพราะเค้ารู้อยู่แก่ว่าดิฉันไม่ได้เอาไปจริง ๆ ดิฉันซึ่งในมนุษยธรรมของพวกเค้ามาก
ช่วยให้คำกระจ่างทีนะคะ ตอนนี้ก็ท้องใกล้คลอดแล้วด้วยยังเครียดอยู่เลย คลอดกลางเดือนกรฏาคมก็ยังไม่ได้ขึ้นศาลนัดปลายเดือน
            ช่วยตอบทางเมลล์ด้วยนะคะ ขอบพระคณอย่างสูง     panni_tada@hotmail.com