เมื่อก.พ.51 ได้ทำการส่งมอบห้องที่ตกแต่งภายในให้กับลูกค้า แต่ลูกค้าไม่ยอมชำระเงินจนได้มีการฟ้องร้องทางแพ่ง ปัญหาคือ เมื่อศาลชั้นต้นไกล่เกลี่ยแล้วได้ทำรายงานกระบวนการพิจารณาโดยรับข้อตกลงของจำเลยที่จะโอนเงินเข้าบัญชีของพยานซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงของโจทก์ และศาลได้ถอนฟ้องโดยที่ทางฝ่ายโจทก์ไม่ได้ทำคำร้องหรือขอถอนด้วยวาจาแต่อย่างใด แล้วให้โจทก์เ็ซ็นชื่อ ต่อมาจำเลยโอนเงินให้พยาน แต่พยานกลับโอนเงินกลับไปให้กับจำเลยทั้งหมด และสารภาพกับโจทก์ว่าก่อนมาศาล จำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีให้ 5,000 บาทและพยานก็ fax สลิปการโอนเงินนั้นมาให้โจทก์ด้วย ทนายโจทก์จึงทำคำร้องขอเพิกถอนกระบวนการพิจารณาต่อศาลชั้นต้น ศาลยกคำร้อง จึงทำคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลรับคำร้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำสั่งศาล(รอมา 6 เดือนแล้ว) แต่กลับได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาทแทน เนื่องจากในคำร้องขอเพิกถอนกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้น มีการบรรยายโดยใช้คำว่า"จำเลยกับพยานคบคิดฉ้อฉลกันมาก่อน" มีคำถามดังนี้ค่ะ 1. คดีทางแพ่งมาถูกทางหรือเปล่าคะ ตอนนี้ทนายจะให้ฟ้องใหม่ แต่เราไม่ค่อยมั่นใจทนายเลยค่ะ กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนทนาย 2. คดีทางอาญาที่เขาแจ้งความหมิ่นประมาทมาจะทำอย่างไรดีคะ เพราะดูแล้วทางลูกค้าจะไม่ยอมจ่ายเงินให้เราอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่เราทำงานส่งให้เรียบร้อยแล้วยังมาแจ้งความหมิ่นประมาทกับเราอีก ขอความกรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ ุู