ReadyPlanet.com


ฟิตเนสเฟิร์ส : อีกหนึ่งทางเอาเปรียบผู้บริโภค


ดิฉันตกลงเป็นสมาชิกฟิตเนสเฟิร์สตั้งแต่เดือน ก.พ. 52  โดยได้รับการอธิบายให้เข้าใจว่ามีให้เลือก 2 ทางเลือก คือแบบ4เดือน และแบบ1ปี <โดยค่าสมาชิกรายเดือนแบบ4เดือนจะสูงกว่า> แต่ด้วยความที่ไม่แน่ใจในวินัยของตัวเองจึงยอมจ่ายแพงหน่อยโดยเลือกแบบ 4เดือนค่ะ ชำระด้วยการตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติ ทางฟิตเนสก็มีเอกสารต่างๆมาให้เซ็นต์ ซึ่งดิฉันยอมรับว่าไม่ได้ระแวดระวังกับถ้อยคำที่ใช้ในเอกสารอย่างถึงที่สุด หลักๆจะดูเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆให้ตรงกับที่ได้ต่อรองไว้

สิ้นเดือนพ.ค. 52ผ่านไปค่ะ.....ดิฉันคิดว่าโปรแกรมจบไปแล้วและไม่คิดจะต่อสมาชิก หากกลับพบว่ายังคงมีการตัดค่าสมาชิกผ่านบัตรเครดิตของเดือน มิ.ย. และ ก.ค. อยู่ ทันทีที่รู้ตัวคือวันที่ 20 ก.ค.ได้โทรไปยังฟิตเนสเฟิร์ส แต่ผู้จัดการปักธงเลยค่ะว่าไม่มีการคืนเงินใดๆทั้งสิ้น เหตุผลเดียวคือดิฉันเซ็นต์ยอมรับข้อกำหนดต่างๆเมื่อแรกเข้าแล้ว <ยังไม่รู้ว่าจะต้องโดนตัดค่าสมาชิกของเดือน ส.ค. ด้วยหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องแจ้งล่วงหน้า1เดือนเต็ม>

ดิฉันจะไม่โต้แย้งในเรื่องการเซ็นต์เอกสารโดยไม่ได้ศึกษาให้ละเอียดทุกถ้อยคำนะคะ อย่างไรก็ดีเข้าใจว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคไม่ได้พิจารณาตัดสินกันแค่มีลายเซ็นต์ยินยอมใช่มั๊ยคะ

ในความเห็นดิฉันคิดว่ากระบวนการทำงานของฟิตเนสเฟิร์สดูเหมือนตั้งใจเอาเปรียบผู้บริโภคในหลายๆแง่มุม ซึ่งดิฉันขอละไว้ไม่กล่าวถึงตอนนี้ อย่างไรก็ดีดิฉันเพิ่งถึงบางอ้อว่าดิฉันเสียรู้อย่างมากที่ยินยอมให้ฟิตเนสเฟิร์สตัดค่าสมาชิดผ่านบัตรเครดิตโดยอัตโนมัติ วิธีนี้สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมากที่ผู้บริโภคอย่างดิฉันจะต้องเสียเงินไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และมีโอกาสเป็นศูนย์ที่จะเรียกร้องขอเงินคืน

ในขณะเดียวกันดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าในฐานะผู้ประกอบการ ฟิตเนสเฟิร์สรู้ดีถึงปัญหาในลักษณะนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่น่าแปลกที่ไม่มีวิธีการลดความสุ่มเสี่ยงนี้ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่นการส่ง SMS เตือนก่อนถึงกำหนดเวลา <จะเห็นตัวอย่างได้จากผู้ให้บริการบัตรเครดิต, ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้แต่บริษัทลีสซิ่งต่างๆ> หรือการให้เซลล์โทรหาลูกค้าเพื่อแจ้งเตือนหรือสอบถามความสมัครใจที่จะต่ออายุสมาชิก <เหมือนตอนที่โทรไปเสนอบริการ> ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทางฟิตเนสเฟิร์สทำได้แต่ไม่ทำ แล้วจะไม่ให้ดิฉันคิดว่าฟิตเนสเฟิร์สตั้งใจปล่อยให้เป็นจุดบอดเนื่องจากเป็นผลประโยขน์ของบริษัทได้อย่างไร  ดิฉันเห็นว่าเป็นวิธีการทำงานที่แอบเอาเปรียบลูกค้า รู้สึกเหมือนถูกปล้นเงินจากบัตรเครดิตค่ะ

หากผู้มีความรู้ด้านกฎหมายท่านใดได้อ่านเรื่องของดิฉัน รบกวนแสดงความคิดเห็นหรือข้อแนะนำด้วยนะคะ ยอดเงินที่สูญไปไม่ได้เยอะนัก แต่รู้สึกโดนเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมอย่างมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ

Jelly

 



ผู้ตั้งกระทู้ Jelly P. :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-20 23:49:10 IP : 124.122.158.177


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3032424)

-วิธีแก้ปัญหาง่ายๆคือบอกเลิกสัญญา   และแจ้งอายัดการหักเงินจากบัตรเครดิต....เรื่องข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม   หรือการเอาเปรียบผู้บริโภค  ก็มีช่องทางฟ้องร้องได้  แต่ขอแนะนำว่า อย่าไปเสียเวลาฟ้องร้องเลย  เพียงบอกเลิกสัญญาและต่างคนต่างไป  ที่แล้วมาคิดว่าเป็นบทเรียนครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2009-07-21 10:08:44 IP : 125.26.110.176


ความคิดเห็นที่ 2 (3032477)

ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำค่ะ เข้าใจว่าคุณผู้เฒ่าคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย

แต่ฟังคำแนะนำแล้วก็เศร้านะคะ ผู้บริโภคในประเทศไทยก็ยังคงเป็นผู้ถูกเอาเปรียบวันยังค่ำ

และพวกเราในฐานะลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อบริการของเค้า กลับต้องมาจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อบทเรียนที่ผู้ประกอบการ

วางกรอบป้องกันตัวเองไว้แล้วเป็นอย่างดี เศร้าค่ะ...

ผู้แสดงความคิดเห็น Jelly P. วันที่ตอบ 2009-07-21 12:01:18 IP : 124.120.244.142


ความคิดเห็นที่ 3 (3032509)

-ถ้าคุณยังติดใจก็สามารถฟ้องได้  โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ....ไปติดต่อศาลจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินให้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2009-07-21 13:45:00 IP : 125.26.106.243



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.