ประมูลบ้านได้ จากกรมบังคับคดี วางเงินมัดจำไปแล้วหลายแสนบาท

เมื่อเข้าไปสำรวจบ้านพบว่ามีปัญหาหลายอย่างคือ

1. มีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน เป็น ชายอายุ30 กับพ่อที่อายุ 60 ซึ่งหย่าจาก แม่ที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทที่มีชื่อในโฉนด

2. บ้านที่ประมูลได้ เป็นทรัพย์หมาย ค. เชื่อมกับ บ้านอีกหลังที่มีผู้ประมูลได้ในวันเดียวกัน เป็นทรัพย์หมาย ก.

3. บ้านที่ประมูลได้ มีบันได แต่หลังที่ติดกันไม่มีบันได และอื่นๆที่เชื่อมกันอยู่ เช่น ระบบน้ำประปา ไฟฟ้า

4. ในวันที่ขอเข้าไปชมบ้าน พ่อและลูกชาย ออกมาเปิดประตูให้ชม และขอเบอร์โทรไว้ และอ้างตนว่ามีฐานะดี มีคนอุปถัมถ์ที่ทุกคนรู้จัก แต่พูดจาเรียบร้อยและแจ้งว่าขอเวลาสักพัก แล้วจะย้ายออกไปโดยดี ไม่งี่เง่าหรอก โดยไม่กำหนดระยะเวลา ผมจึงกำหนดเวลาให้ ครึ่งเดือน ฝ่ายพ่อก็ต่อรองว่าเดือนกว่าๆละกัน ยังสับทับอีกว่า ถ้าตามขั้นตอนต้อง 3 เดือนเชียวนะ

5. ขณะที่ชมบ้านอยู่ ลูกชายก็หายเข้าไปในบ้านอีกหลัง สักครู่ เพื่อนของแม่ก็โทรเข้ามาคุยด้วย ใช้น้ำเสียงดุดัน ก้าวร้าวมาก เขากล่าวอ้างว่า ตนมีสิทธิในบ้านหลังนี้โดยมีสัญญาเช่าต่อทุกๆ 3 ปี ผมเลยถามว่าหมดสัญญาเมื่อไหร่ เขาไม่ตอบ (แต่คดีนี้บังคับคดีกันในปี 2551 ปัจจุบัน 2552 ถ้าเขาทำเอกสารสัญญาเช่าย้อนหลังไปในปี 2551 ก็มีผลถึงปี 2554 เลยนะสิ)

6. ฝ่ายพ่อก็พูดเรียบร้อย และแจ้งว่าเพื่อนของแม่(อดีตภรรยา)คนที่โทรมาเป็นทนายของแม่นั่นเอง แต่ก็ยังแอบขู่ด้วยว่า เขาอยู่ที่นี่มานาน มีลูกน้องระแวกนี้กว่าหลายร้อยคน คุยกันดีๆจะดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเข้ามาได้แต่ไม่ได้กลับออกไป

จากข้อมูล 6 ข้อข้างต้น จึงมีประเด็นที่ต้องตัดสินใจคือ

(ก) เนื่องจากวางเงินมัดจำไว้หลายแสน จึงไม่อยากทิ้ง และยังแอบลุ้นว่า พ่อ ลูก คู่นี้จะทำตามสัญญา คือออกไปโดยดี จึงคิดว่าจะรอสักพักก่อน ค่อยไปโอนกรรมสิทธิ (ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน) อีกทั้งเผื่อว่าผู้ที่ประมูลบ้านอีกหลังที่ติดกันซึ่งรู้มาว่าเป็นบริษัทนายหน้าขายบ้าน อาจจะทำเรื่องขับไล่ให้ก่อน และกั้นผนังให้ด้วย(ประหยัด)

อีกเหตุผลคือ เกรงว่าทนายของบริษัทจะอ้างเหตุสัญญาเช่า หรือเหตุอื่นๆ เช่น ราคาต่ำเกินไป หรืออื่นๆ เพื่อเพิกถอนการโอน หรือประวิงเวลา จึงกลัวว่าเงินจะไปจมทีเดียวร่วมสิบล้าน ไม่คุ้มกัน

(ข)อีกใจนึงก็ลังเล ว่าถ้ารีบชำระเงินให้ครบถ้วน แล้วรีบโอน จะได้ใช้มาตรา 309ตรี ร้อยฝ่ายเดียว ขับไล่บริวารออกไปได้  และรีบจัดการรังวัด กั้นกำแพงส่วนที่เชื่อมต่อกับอีกหลังให้เรียบร้อยก่อน  กลัวว่าอีกหลังจะกั้นกำแพงรุกล้ำเขต หรือไม่ยอมกั้นโดยขอใช้บันไดอีกครึ่งปีเพื่อก่อสร้างดัดแปลงอาคารเป็นต้น

จึงขอเรียนรบกวนถาม ทนายปมุข ถึงทางเลือกทั้งสองว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจดังกล่าวข้างต้นครับ