[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
รบกวนปรึกษาเรื่องการยืมเงินและชำระหนี้ซึ่งตกลงกันไม่ได้ครับ (ผมเป็นลูกหนี้นะครับ) | |
รบกวนปรึกษาเรื่องการยืมเงินและชำระหนี้ซึ่งตกลงกันไม่ได้ครับ (ผมเป็นลูกหนี้นะครับเรื่องราวมีดังนี้ครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ pleasehelpme :: วันที่ลงประกาศ 2010-12-02 23:27:16 IP : 124.120.143.165 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3227209) | |
2. ฟ้องได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญาครับ ทางแพ่งคือเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น ฉนั้นคุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ครับ ส่วนในทางอาญาถือเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทครับ 3. ฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายได้ครับแม้ไม่มีพยานแต่บาดแผลหรือรอยแผลต่าง ๆ ถือเป็นหลักฐานที่สามารถนำสืบไปได้ครับ 4. ก็ฟ้องได้ครับ ทางแพ่งถือเป็นการทำละเมิดสามารถเรียกค่าเสียหายได้ครับ ในทางอาญาก็อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ครับ 5. อายุเกิน 20 บรรลุนิติภาวะแล้วครับ คงไม่ต้องเลี้ยงดูแล้วมั้งครับ แต่ถ้าหากจะฟ้องหย่าก็คงทำไม่ได้อีกเพราะตามข้อเท็จจริงมิได้ปรากฏว่าจดทะเบียนสมรสกัน ถ้าเขาอยากฟ้องก็ลองให้เขาไปฟ้องดูครับ 6. การกู้ยืมเงิน ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ฉนั้นข้อความใน MSN นั้นหาใช่แบบตามที่กฏมายกำหนดไม่ จึงไม่มีผลบังคับใช้ได้ตามกฏหมายครับ คงเป็นเพียงการสนทนาโต้ตอบกันในส่วนของการยืมเงินเท่านั้น หาใช่หลักฐานการโอนเงินจริง ๆ กันแต่อย่างใดไม่ ถึงจะเป็นสลิปการโอนเงินก็หาใช่หลักฐานที่จะบ่งบอกว่าคุณได้กู้ยืมเงินเขาไปจริงครับ 7. คำตอบด้านบนทั้งหมดเป็นเพียงคำตอบของในแง่ของกฏหมาย แม้ว่าคุณจะมิได้ทำสัญญากู้ยืมเงินซึ่งแฟนคุณจะไม่สามารถไปฟ้องร้องได้นั้น แต่ผมก็มิได้แนะนำว่าไม่ต้องคืนเขาแต่อย่างใด หากว่าคุณมีความประสงค์จะคืนเงินแล้วด็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและน่ายกย่องครับ ฉนั้นก็ควรจะตกลงด้วยเหตุและผลให้เข้าใจและรับได้กันทั้งสองฝ่าย แบบแฟร์ ๆ ถือว่าดีที่สุดครับ แต่ถ้าหากอีกฝ่ายยังดื้อแพ่งไม่ยอมโดยไร้เหตุและผลก็ปล่อยให้เขาไปฟ้องเอาเถอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะยอมรับในความถูกต้องนั้นเองเพราะถ้าเขาไม่เอาตรงนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรเลยครับ(เพราะฟ้องไม่ได้นั่นเอง) ผมคงแนะนำได้เท่านี้ครับ แต่ผมก็หวังว่าจะตกลงกันได้ด้วยดีนะครับเพราะอย่างน้อยก็เคยคบหาเป็นแฟนกันมาก่อน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-03 01:22:02 IP : 58.9.147.206 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3227216) | |
เรียนคุณ pup ครับ ผมต้องขอขอบคุณอยากมากเลยนะครับสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ เนื่องจากผมเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่และกำลังไปได้ดีมากๆ และไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องงานต้องมีปัญหาครับ ผมรบกวนถามคุณpup และผู้รุิ้ท่านอื่นอีกซักนิดครับ - สำหรับหลักฐานที่เค้ามีคือ สลิปเงินโอนและ statement bank ซึ่งโอนมาจริงครับและผมไม่ได้ปฎิเสธแต่อย่างได้เพรราะมันเป(็นจำนวนน้อยกว่าที่ผมควรจะรับผิดชอบมาก และเค้าทราบว่าผมรักเค้ามาก เค้าโทรมาอัดเสียงและพยายามหว่านล้อมจะให้ผมรับจำนวนหนี้ดังกล่าวแต่ผมรู้อยู้และผมก็ได้พูดออกมาเลยว่าผมเป็นหนี้เค้าจริงและจะรับผิดชอบ แต่จำนวนไม่ใช่อย่างที่เค้าต้องการผมจะรับผิดชอบเท่าที่ผมยืมมาใช้ส่วนตัวทั้งหทมดและส่วนที่2-3 ถ้าเอามาหารครึ่งกันผมยินดีรับผิดชอบแต่เค้าไม่ยอม แแบบนีจะมีผลเสียอะไรหรือไม่ครับ - เค้ามาขู่ว่าถ้าผมไม่ยอมเซ็น จะเอาหลักฐานทั้งหมดและขายหนี้ให้ผู้มีอิทธิพลรับจ้าทวงหนี้ ซึ่งในทางกฎหมายผมทราบว่าคงทำไม่ได้แต่ในความเป็นจริง มันอาจสร้างความวุ่นวายในชีวิตให้ผมไม่จบ มีวิธีการใดทางกฎหมายที่จะทำให้เค้าหยุดทำการการทำที่เป็นการทำที่เป็นอยู่นี่ได้บ้างมั้ยครับเพางไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ ราะผมทราบว่าเค้าขาดสติและทำไเ้ทุกอย่างไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ก็ตามครับ
ขอบคุณมากๆครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น easehelpme วันที่ตอบ 2010-12-03 04:39:34 IP : 124.120.143.165 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3227256) | |
ตามหลักกฎหมายการกู้ยืมเงินเกินกว่า 20,000 บาทต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญมิฉะนั้นจะฟ้องบังคับคดีกันหาได้ไม่ หลักฐานเป็นหนังสือนั้นแตกต่างจากการทำเป็นหนังสือ-หลักฐานเป็นหนังสือนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเพียงแต่ขอให้มีลายมือชื่อผู้กู้คนเดียวและมีเนื้อความพอฟังได้ว่ามีการกู้เงินกันจริง ๆ ก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำสัญญากู้ เช่น อาจจะอยู่ในรูปแบบจดหมายก็ได้ การที่เขาแอบอัดเสียงคุณทางโทรศัพท์ไม่น่าจะใช้เป็นพยานหลักฐานยันคุณในศาลได้เพราะตามหลักกฏหมายลักษณะพยาน หลักฐานใดก็ตามที่เกิดโดยมิชอบด้วยกฏหมาย ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ดังนั้น การที่เขาแอบอัดเสียงคุณเวลาพูดนั้นอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวต้องตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพยานหลักฐานชิ้นนี้จึงเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยมิชอบด้วยกฏหมายรัฐธรรมนูญ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-03 13:26:38 IP : 115.87.170.176 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3227262) | |
ขอบคุณอย่างยิ่งเลยครับผมสบายใจขึ้นมากและยังคงยืนยันจะให้หนี้ที่ยืมโดยไม่ใช้ข้อกฎหมายมาอ้าง แต่สำหรับการบั่นทอนนั้นมันมากจริงๆๆครับ ตอนนี้เค้าใช้อีเมลเก่าของผมขึ้นชื่อนามสกุลจิงบอกไปทั่วว่าเป็นเจ้าหนี้โดนผม หลอกฟัน หอลกแ..ก ซึ่งในcontact มีทั้งเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเด็กและคนอื่นๆๆที่สียชื่อเสียงของผมเท่านั้นผมรู้จัก เมื่อสักครู่โทรมาขู่ว่าถ้าไม่เซ็นสัญญา วันอังคารจะไปที่ ออฟฟิส ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่เค้าได้คือความวุ่นวายใจและความสะใจเท่านั้น ผมเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรเหมือนกันครับคงต้องรับสภาพไป
ปล. ผมลืมแจ้งคุณ pup ว่าเมื่อคืนผมได้ไปแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกายไว้เรียบร้อยแล้วครับ อยากปรึกษาว่างเรือง อีเมลและอื่นๆๆที่ทำให้ผมเสียชื่อเสียความเป็นสุข ควรแจ้งความไว้เป็นหลีกฐานด้วยหรือไม่ครับ
ขอบคุณมากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น helpmeplease วันที่ตอบ 2010-12-03 13:43:49 IP : 58.8.15.39 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3227365) | |
ผมคงตอบหรือฟันธงไม่ได้ครับว่าควรจะไปแจ้งหรือไม่ เพราะผมเป็นบุคคลภายนอก หากแต่เป็นดุลพินิจและการตัดสินใจของคุณเองมากว่าว่าควรจะทำอย่างไรดีเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวและคุณก็เคยเป็นแฟนกันมาก่อน(หรือจะลองปรึกษาพ่อ แม่ ผู้ใหญ่ หรือเพื่อน ๆ ดูหลาย ๆ ความเห็นก่อนก็ได้ครับ) แต่ถ้าจะถามทางด้านกฏหมายก็บอกได้คำเดียวว่าการที่เขาทำให้เสียชื่อเสียงและรบกวนการใช้ชีวิตในอันที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขนั้นสามารถเอาผิดหรือฟ้องร้องได้แน่นอนครับ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณเองแล้วล่ะครับว่าควรทำอย่างไรกับปัญหาส่วนตัวนี้ดี แต่ถ้าถามความเห็นผม ณ เวลานี้มันพอจะเป็นไปได้ไหมครับที่จะเรียกแฟนเข้ามาเจรจาพูดคุยรวมทั้งบอกถึงข้อกฏหมายที่สามารถเอาผิดแฟนคุณได้ เพราะเขาอาจจะยังไม่รู้ก็เป็นได้ว่าการกระทำองเขานั้นมันร้ายแรงและผิดแค่ไหน ลองเตือนสติเขาด้วยความนุ่มนวลดูก่อนก็ได้ครับ เพราะหากเขาคิดหรือสำนึกได้เรื่องมันก็อาจจะจบลงแต่โดยดีก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว ผมว่าจะแจ้งหมิ่นประมาทเพิ่มไปอีกกระทงก็คงไม่เสียหายอะไรมากหรอกครับเพราะคดีนี้มันยอมความกันได้ครับ ขอให้โชคดีนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-04 00:51:46 IP : 58.9.151.250 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1088641 |