[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
ขอฝากเรื่องราว มาขอรับคำปรึกษา กรณีถูกทำร้ายร่างกาย | |
รายละเอียดของเหตุการณ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เวลา เกิดเหตุในช่วงเย็น น.ส ก (ผู้บาดเจ็บ อายุ 18 ปี) ขอให้ประชุมสายกับ น.ส ป ให้หน่อย(เพื่อนของ น.ส ก อายุประมาณ 16 ปี) เนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส ป ได้โทรศัพท์มาหา น.ส อัจฉรา แต่ โทรศัพท์อยู่ที่ นาย ส (อายุ 25 ปี) ต่อมา นาย ส จึงโทรศัพท์ไปหา น.ส ก บอกว่า น.ส ป ได้โทรมาหา ดังนั้น น.ส ก จึงขอให้ นาย ส โทรไปแล้วประชุมสายกับ น.ส ป ให้หน่อย คงจะมีเรื่องสำคัญ เมื่อประชุมสายกันแล้ว น.ส ป ถามเรื่องเบอร์โทรของ น.ส บีว่าเลขท้ายเบอร์โทรศัพท์คืออะไร สงสัยเป็นคนๆเดียวกับที่ไปโกหกชายคนนั้นหรือเปล่า เพราะน.ส บี อาจจะเอารูปของคนอื่นแล้วบอกว่าเป็นรูปตัวเอง น.ส ก บอกว่า ตอนนี้ไม่รู้ เดี๋ยวจะเอาไปให้ น.ส ป บอกว่า งั้นเข้ามาทางหน้าต่างนะ เพราะว่า นาง ม (คู่กรณี อายุ ราว 48 55 ปี)อยู่ที่แถวนี้ ห้องเช่าของ น.ส ป และนาง ม อยู่ตรงข้ามกัน ตรงกลางจะมีลานโล่งๆกั้นอยู่ เนื่องจากเป็นห้องเช่า ส่วนห้องเช่าของ น.ส ก อยู่อีกฟากหนึ่ง มีกำแพงกั้น มีช่องเดินผ่านไปมาหากันได้ น.ส ป นั้นก็ทราบพฤติกรรมของนาง ม ดี จึงให้น.ส ก เข้ามาทางหน้าต่าง ซึ่งพฤติกรรมของนาง ม คนนี้ มักจะคอยจับตาดูน.ส ก มาตลอด เวลาไปไหนมาไหน ไปกับใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร พอสบโอกาสก็จะไปฟ้องแม่ของน.ส ก ทันที โดยมักพูดเกินความจริงหรือพูดในทำนองให้เป็นเรื่องเสียหาย หลายครั้งที่แม่ของ น.ส ก มารู้ความจริงทีหลัง เมื่อ น.ส กเข้าไปที่หน้าต่าง นาง ม คนนี้เห็นเข้าจึงไปฟ้องให้แม่ของน.ส ก ก็มาพร้อมกับถือกิ่งไม้มาเคาะที่หน้าต่าง บอกให้น.ส ก ออกมา พอ น.ส ก ออกมา ข้างนอก แม่ของน.ส ก ก็หยิบมีดเก่าๆ คมทื่อบิ่นๆ มาเคาะที่แก้มน.ส ก บอกว่า มาทีนี่ทำไม ทำไมไม่อยู่ที่บ้าน บ้านของเราก็มี น.ส ก ก็พูดว่า ยังไม่ไป แล้วปัดดึงมีดลง ทำให้เล็บของแม่น.ส ก ไปโดนที่คอของ น.ส ก ทำให้มีแผลถลอก 2 แผล มีดตกลงไปข้างล่าง จังหวะนั้น นาง ม ซึ่งตีสองหน้าเข้ามาพูดทำนองว่า อย่าทำกันแบบนี้ แม่กับลูกกัน ทำให้น.ส ก รู้สึกแย่มาก เพราะ น.ส ก เชื่อว่าที่แม่มาตามก็เพราะว่า นาง ม ไปฟ้องแม่ของตน มีเจตนากลั่นแกล้งตน จึงว่าให้นาง ม ว่า เพราะเธอนั่นแหละชอบฟ้องแม่ฉันดีนัก ทำให้นาง ม โมโห ผลักอกน.ส ก น.ส ก จึงดึงผมของนาง ม ฝ่าย นาง ม ก็ดึงผมของน.ส ก ตอบ ทำให้เกิดการยื้อแย่ง เกิดกระชากกันไปมา จังหวะนี้มี นาง อ ( อายุราว 25 ปี) ซึ่งเป็นลูกสาวของ นาง ม เข้ามาดึง จับ แขนน.ส ก ไว้ นาง อ ไม่ได้ห้ามแต่ดูพฤติการณ์แล้ว เข้ามาช่วยนาง ม มากกว่า ส่วนนาง ม ยังดึงผมของน.ส ก อยู่จนนั่งติดพื้น น.ส ก ได้ปล่อยผมของนาง ม แล้ว แต่นาง ม ยังดึงผมของน.ส ก ไว้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น นาง ม ก็ปล่อยผมของน.ส ก ส่วนนาง อ ได้ปล่อยแขนของนาง อ ด้าน น.ส ก นั้นยังลุกขึ้นไม่ได้ เนื่องจากเหนื่อยอ่อน เพลียไปหมด นาง อ และนาง ม สองแม่ลูกยังยืนบังค้ำหัวน.ส ก อยู่ ขณะนั้น นาง อ ยังยืนชิดตัวน.ส ก ไว้อยู่ เชิงว่าคุมตัวน.ส ก ไว้ เมื่อนาง ม เดินออกไป น.ส ก ก็ลุกขึ้นโดยคิดว่าเรื่องราวยุติสงบลงแล้ว แต่ นาง อ ยังยืนเชิงว่าคุมตัว น. ส กไว้อยู่ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นาง ม ได้เดินไปเอาไม้ ยาวประมาณ จากนั้นน.ส ก ก็ขอร้องให้เพื่อนคือ น.ส ป ที่ยืนดูอยู่ที่ประตูห้องของตนเอง โดยที่ไม่มาห้ามปรามอะไรโทรบอกพ่อ และผม 3 นาที พอนาย ส มาถึงได้เห็นสภาพของน.ส ก แล้วสงสารมาก น.ส ก ร้องไห้ อยู่ในสภาพตกใจ เหนื่อยหอบและเจ็บปวดร่างกายอย่างมาก ตอนนั้น ตำรวจนอกราชการซึ่งอยู่ติดกับหอพักนั้น โผล่หัวข้ามกำแพงมาบอกว่า ให้ทุกคนอยู่บริเวณนั้นหยุดทำเสียงดัง แล้วบอกให้ นาย ส พา น.ส ก กลับไปที่ห้องพัก จากนั้นนาย ส ได้แจ้งตำรวจเพื่อขอรถพยาบาล แพทย์นำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจดูอาการ จากนั้นไปแจ้งความที่โรงพัก ก่อนจะกลับญาติน.ส ก โทรมาบอกว่า อย่าเพิ่งกลับมา เพราะว่านาย จ (ลูกชายของนาง ม อายุราว 26 ปี) มาพูดว่า ถ้าน.ส ก กลับมาจะทำร้าย ทำไมแม่ไม่เอาปืนที่ใต้ลิ้นชักบนบ้านยิงให้ตายไปเลย ( เชื้อว่า เป็นปืนเถื่อน)แล้วยัง พูดว่าถ้าเจอพ่อของน.ส ก จะเอาปืนยิงให้ตาย นาย จ ยังได้แตะน้องสาวของ น.ส ก 1 ที และใช้หมัดตีหัวแม่ของแฟนผมอีก 1 ที ดังนั้น ก่อนกลับบ้าน ได้ไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจชุมชนให้ไปส่งที่บ้าน พอไปถึงก็เกิดการโต้เถียงกันอีก ตำรวจจึงนำส่งโรงพักทั้งสองฝ่าย กว่าจะสอบสวนต้องรอนาน เพราะตำรวจไม่ว่าง วันที่ 2 เมษายน เวลา 10 .00 น. ทั้งสองฝ่ายก็มาตามนัด ตำรวจบอกว่าติดต่อพยานไม่ได้ จึงให้ไปตกลงเรียกค่าเสียหายกันเอง ช่วงเย็น เวลาประมาณ 15.30 น.จึงมาคุยกันโดยเชิญประธานชุมชนมาเป็นประธาน ทั้งสองฝ่ายคุยกันไม่รู้เรื่อง ยิ่งคุยยิ่งทะเลาะถึงขั้นทางญาติของฝ่ายนาง ม ท้า น.ส ก ตบตี ประธานชุมชนบอกว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้ศาลตัดสินและบอกว่าอย่าให้มีเรื่องกัน ขอให้คุยกันอย่างสงบ อย่ามาทะเลาะกันเลย เพื่อนบ้านกันทั้งนั้น ทางฝ่ายเขาไม่ยอม บอกว่าตัวเองไม่ผิด แล้วยังช่วยกันพูดช่วยกันเถียง จนตกลงกันไม่ได้ การที่ น.ส ก ได้ไปร้องทุกข์กับตำรวจ ก็เพราะมีความรู้สึกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น มันรุนแรงเกินไป และไม่ได้รับความเป็นธรรม และจะไม่ยอมทนอีกต่อไป ทางฝ่าย น.ส ก ก็ไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย พูดจาไม่เป็น ที่ผ่านมารู้สึกว่าถูกคนในครอบครัวนี้รังแกมาตลอด เมื่อมีเรื่องราวเกิดขึ้นจะเอาผิดหรือเรียกร้องความยุติธรรมไม่ได้จากฝ่ายนาง มไม่ได้เลย ซ้ำยังเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้ว เคยไปแจ้งความแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งนาง ม ก็คอยหาช่องทางฟ้องแม่ของน.ส ก มาตลอด โดยมักบอกแม่ของน.ส ก เกินความเป็นจริง ต่อหน้า นาง ม จะคุยพูดจาต่อครอบครัวของน.ส ก ดี แต่พอลับหลัง นาง ม จะพูดอีกอย่าง ชาวบ้านระแวกนี้ต่างทราบพฤติกรรมดี ทางฝ่ายนาง ม มีพฤติการณ์ ติดตามและจับตาดูฝ่ายน.ส ก เวลาไปไหนมาไหน จะให้คน หรือญาติของเขาคอยติดตาม | |
ผู้ตั้งกระทู้ รับฝากขอความเป็นธรรม (taone_357-at-thaimaill-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-04-05 12:49:56 IP : 119.42.78.30 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2992322) | |
-เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายกัน ส่วนมากตำรวจก็มักให้ตกลงเรื่องค่าเสียหายกันเอาเอง เพราะเป็นคดีเล็กน้อย......แม้ตามความเป็นจริงคนถูกทำร้ายจะเจ็บหนัก........ ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ให้ส่งเรื่องให้ศาลพิจารณา ก็ต้องหาพยานหลักฐานมาเบิกความต่อสู้หักล้างกัน ซึ่งบางทีก็ดูก้ำกึ่งระหว่างการสมัครใจทะเลาะวิวาท และการถูกทำร้ายร่างกาย...... -ขอแนะนำให้ใช้การตกลงกันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าเรื่องไปถึงศาลคงต้องใช้เวลาพอสมควร และการที่จะได้รับค่าชดใช้จนพอใจคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีงื่อนไขหลายประการประกอบกัน.......เรื่องใครติดตามดูพฤติการณ์ ก็อย่าไปใส่ใจจนเกินไป หรือการถูกนินทาว่าร้ายลับหลัง ก็อย่าได้ไปเก็บมาเป็นประเด็น เพราะถ้าไปใส่ใจมากจนเกินไป จะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้ง นำไปสู่การทำร้ายกัน และอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตครับ..... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2009-04-06 13:49:03 IP : 125.26.107.128 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1087893 |