ReadyPlanet.com


เป็นโจทย์ที่งง เลยอยากจะทราบ


  นายนิติต้องการเงินลงทุนเพื่อผลิตหน้ากากอนามัยจึงได้กู้เงินจากนายรักธรรม จานวน 3,000,000 บาท โดยนายนิติได้เขียนข้อความลงในกระดาษด้วยลายมือตนเองว่า ข้าพเจ้านายนิติได้กู้ยืมเงินจากนายรักธรรม เป็นจานวน3,000,000บาท(สามล้านบาทถ้วน)เม่ือวันที่30มนีาคมพ.ศ.2560แล้วนายนิติลงลายมือช่ือในกระดาษ น้ันและมอบกระดาษน้ันแก่นายรักธรรม และนายรักธรรมมอบเงินจานวนนั้นให้แก่นายนิติไป โดยนายรักธรรมกล่าวด้วย ว่าช่วงท่ีนายนิติยืมเงินไปนี้ตนเองไม่คิดดอกเบี้ยจากนายนิติเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน เวลาผ่านไปนานหลายปี นายรักธรรมเห็นว่านายนิติยังไมไ่ ด้ชาระเงินจานวนดังกล่าวคืนแก่ตนเลย

ดังน้ี นายรักธรรมจึงมาปรึกษาท่านว่านายรักธรรมจะต้องดาเนินการอย่าไร จึงจะได้รับคืนเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยจากนายนิติ 


ผู้ตั้งกระทู้ คุณลิขิต :: วันที่ลงประกาศ 2020-04-01 02:05:05 IP : 223.206.246.82


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4369349)

 การกู้ยืมเงิน

     ถ้าเกินกว่าสองพันบาท  ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ...ตามข้อเท็จจริง  กระดาษที่ผู้กู้มอบให้แก่ ผู้ให้กู้ จึงเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงิน ตาม ปพพ. ม.653 ที่ใช้ฟ้องผู้กู้ยืมได้ การไม่คิดอัตราดอกเบี้ย  ถ้าไม่มีการระบุไว้ชัดเจน  ในหลักฐานการกู้ยืมเงิน  ก็ให้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตาม ปพพ. ม.7...และในเมื่อไม่มีกำหนดเวลาการใช้หนี้ไว้  เจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน(ทันที)..ในทางปฏิบัติ  ก็ใช้วิธีบอกกล่าวให้ลูกหนี้ ใช้หนี้ ในเวลาอันสมควร ถ้ายังเพิกเฉย  ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ตามหลักฐานการกู้ยืมเงินนั้นได้  เมื่อศาลให้จำเลยใช้หนี้ตามที่ถูกฟ้อง  เมื่อส่งคำบังคับไปแล้วโดยชอบ  ยังเพิกเฉยไม่ใช้หนี้   ก็ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี  เพื่อยึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ได้...  แต่ต้องฟ้องคดีภายในอายุความ 10 ปี นับแต่วันกู้ยืมเงิน...ก็เป็นคดีธรรมดา ไม่ได้ซับซ้อนอะไร...

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2020-04-01 18:23:08 IP : 1.1.226.86



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.