1.ก็นำพินัยกรรมไปยื่นต่อสำนักงานที่ดิน  เพี่อโอนทรัพย์สินตามที่ผู้ทำพินัยกรรมระบุไว้  ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ  เช่น รถยนต์ก็นำพินัยกรรม  ไปยื่นต่อสำนักงานทะเบียน  เพี่อโอนกรรมสิทธิ์      เจ้าหน้าที่คงมีการตรวจสอบว่าเป็นพินัยแท้จริงหรือไม่  โดยการหาพยานที่ใกล้ชิดมาสอบปากคำ    บางแห่งตัดปัญหา ไม่อยากถูกฟ้องในภายหลัง  อาจโยนเรื่องให้ไปร้องศาล  เพื่อตั้งผู้จัดการมรดก   และจัดการทรัพย์สินตามพินัยกรรม...

2.ถ้ามีการข้อขัดข้องในการจัดการมรดก  ก็จำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดก   เช่นการมีทายาทหลายราย   คงหลีกเลี่ยงการตั้งผู้จัดการมรดกไม่ได้

3.ผู้จัดการมรดก  ต้องทำบัญชีทรัพย์มรดก  และต้องแจ้งทายาทที่มีสิทธิ์รับมรดกให้ทราบ  ถ้าปิดเรื่องไว้  อาจถูกฟ้องเพิกถอนจากการเป็นผู้จีดการมรดก   หรือถ้าปกปิดทรัย์มรดก    อาจถึงขั้นถูกตัดไม่ให้รับมรดกได้

4. ทายาทจะคัดค้านพินัยกรรมหรือไม่   คงตอบไม่ได้   เพราะเป็นเรื่องการจิตใจ   ถ้าเราทำถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย   แม้จะมีการคัดค้านจะหวั่นเกรงไปทำไมครับ

-ข้อคิด    ภรรยายังไม่เสียชีวิต   ทำไม จึงคิดวางแผนเรื่องทรัพย์มรดกเป็นวรรคเป็นเวร   ถ้าภรรยามีเจตนาจะมอบทรัพย์ให้สามีทั้งหมด   ก็ไปจดทะเบียนโอนให้เลยไม่ดีกว่าหรือ.......หรือเป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาเท่านั้น

- ขอบคุณครับคุณผู้เฒ่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นพวกหุ้นกู้ พันธบัตร เคยไปถามเขาบอกว่าจะใช้พินัยกรรมไม่ได้ ต้องให้ศาลสั่งเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน ส่วนที่กลัวไปก่อนเพราะทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นของภรรยา เป็นทรัพย์สินที่ผมเป็นคนหามาแต่ฝากไว้ในชื่อภรรยา และภรรยากับพี่น้องมีเรื่องทะเลาะกัน จึงไม่อยากเกี่ยวข้องกัน

- ในข้อ 3 กรณีที่ภรรยายกทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว เรายังต้องแจ้งทายาทด้วยหรือไม่ครับ

-เจ้าของทรัพย์สามารถ   โอนทรัพย์สิน  หรือจำหน่ายจ่ายแจก ให้ใครๆก็ได้   ไม่ต้องแจ้งทายาทแต่อย่างใด    สิทธิของทายาทที่จะได้รับมรดก  จะเกิดสิทธิก็ต่อเมื่อเจ้ามรดกเสียชีวิตเท่านั้น...