ReadyPlanet.com


เป็นผู้เสียหายจากการค้ำประกันรถยนต์


 

อยากสอบถามเรื่องเกี่ยวกับเรื่องสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันเช่าซื้อรถคะ คือว่าทางคุณพ่อดิฉันได้รับเอกสาร แจ้งโอนสิทธิเรียกร้อง และเรียกค่าเสียหายจาก บ.บางกอก อินเวสทิเกชั่น แอนด์ รีกัล จำกัด ออกโดย ทนายความชื่อ นายธีระ จินตพงศ์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2552 แต่เอกสารลงวันที่ 1 ส.ค. 2552 ซึ่งคุณพ่อของดิฉันเป็นค้ำประกัน การเช่าซื้อรถยนต์ไว้เมื่อเดือน มกราคม 2533 ซึ่งรถยนต์คันนี้ได้ทำการเช่าซื้อกับบ.เงินทุนเอกธนกิจ ในราคม 340,400 บาท โดยจะต้องมีการชำระค่าเช่าซื้อทั้งสิ้น 48 งวด แต่ผู้เช่าซื้อสามรถชำระได้เพียง 4 งวดคือ 28,092 บาท ซึ่งยังคงค้างชำระอยู่อีก 312,308 บาท   และหลังจากนั้นทางผู้เช่าซื้อได้นำรถไปคืนแก่ บ. เอกธนกิจ ในสภาพเรียบร้อย ใช้การได้ดี ซึ่งในวันที่ทางผู้เช่าซื้อได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งมอบให้ทาง บ. เงินทุน เอกธนกิจ นั้น ได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่ว่า ผู้เช่าซื้อต้องดำเนินการอย่างไรต่อบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่ต้องทำอะไรแล้ว   แต่เมื่อได้รับเอกสารจากทนายความ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2552 ซึ่งมีข้อความในเอกสาร แจ้งโอนสิทธิเรียกร้อง และเรียกค่าเสียหายระบุว่าผู้เช่าซื้อ และผู้ค้ำประกัน ยังไม่ได้ชำระค่าใช้จ่ายของตนตามกฎหมายในการส่งมอบรถยนต์กลับคืน จึงทำให้ทาง บ. เงินทุน เอกธนกิจ จำเป็นต้องนำรถคันดังกล่าวออกประมูลขายแก่บุคคลภายนอกทั่วไป ซึ่ง บ. บางกอก อินเวสทิเกชั่น แอนด์ รีกัล จำกัด ได้เป็นผู้ ประมูลรถยนต์คันดังกล่าวได้   ซึ่งปรากฏว่าได้เงินมา 280,000 บาท ซึ่งเอกสารระบุว่าผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิดชำระค่าเสียหายจากการขายรถยนต์ที่เช่าชื้อขาดทุนเป็นเงิน 82,308 บาท ซึ่งในเอกสารระบุว่าผู้เช่าซื้อ และผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบค่าเสียหายดังนี้
1. ค่าขาดราคาของรถยต์คันที่เช่าซื้อจำนน 82,308 บาท
2. ค่าดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 / ปี ของเงินต้น 82ม308 บาท นับตั้งแต่วันที่ขายรถยนต์คันที่เช่าซื้อ (24 พฤศจิกายน 2534) จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 17 ปี 8 เดือน 8 วัน รวมเป็นค่าดอกเบี้ยทั้งสิ้นจำนน 109,195.34 บาท
3.ค่าขาดประโยชน์นับตั้งแต่ผู้ซ์อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ (วันที่ 9 เมษายน 2533) จนถึงวันที่บ. เงินทุน เอกธนกิจ ทำการยึดรถยนต์คันดังกล่าวกลับคืนมาได้ (วันที่ 31 ตุลาคม 2533) เป็นระยะเวลา 6 เดือนเศษ ในอัตราวันละ 300 บาท เป็นเงินเดือนละ 9,000 บาท บ. ขอคิดเป็นระยะเวลา 6 เดือน รวมทั้สิ้น 54,000 บาท
รวมทั้งสิ้นต้องชำระ 245,503 .34 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21ต่อปี ให้กับบ.บางกอก อินเวสทิเกชั่น แอนด์ รีกัส จำกัด หากยังเพิกเฉยทาง บ. จะไม่เตือนมาอีก และจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
จึงอยากเรียนถามว่า
1. คดีนี้ถือว่าหมดอายุความหรือยังคะ เนื่องจากเรื่องผ่านมาแล้วตั้ง 17 ปี 8 เดือน
2.ทางดิฉันต้องดำเนินการอย่างไรต่อคะ
3. เป็นไปได้หรือไม่คะที่ทางทนายความของ บ. บางกอก อินเวสทิเกชั่น แอนด์รีกัล จำกัด จะข่มขู่ผู้เช่าซื้อ เนื่องจากคดีผ่านมาตั้ง 17 ปี 8 เดือนแล้วคะ
 
ขอแสดงความนับถือ


ผู้ตั้งกระทู้ ชนนี :: วันที่ลงประกาศ 2009-08-26 15:08:13 IP : 203.146.196.65


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3043816)

1.  คงขาดอายุความแล้ว.....อายุความ  10 ปั

2. ไม่ต้องดำเนินการอะไร    ถ้าไปรับสภาพหนี้   หรือผ่อนชำระ  อายุความจะกลับมานับใหม่อีก  10  ปี

3.  คงหวังผลในข้อ  2

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2009-08-26 20:51:44 IP : 125.26.111.82


ความคิดเห็นที่ 2 (3043842)

เอ..จากข้อเท็จจริงนี้ผมแปลกใจจัง ว่าทำไมทนายฝั่งโน้นเขาไม่รู้เลยหรือครับว่ามีอายุความแค่ 10 ปี เหตุไฉนถึงมาคิดจะดำเนินคดี

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2009-08-26 22:20:40 IP : 61.90.68.60


ความคิดเห็นที่ 3 (3044002)

-แม้คดีขาดอายุความ     แต่ความเป็นหนี้ยังไม่สิ้นสุด     คือเจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้ชำระหนี้ได้เสมอ    เพี่ยงแต่ลูกหนี้สามารถยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อปฏิเสธการชำระหนี้ได้เท่านั้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2009-08-27 11:11:19 IP : 125.26.109.23


ความคิดเห็นที่ 4 (3044107)

ก็สรุปว่าเจ้าหนี้ก็จะต้องไม่ได้รับการชำระหนี้อยู่ดี แล้วเขาจะมาเรียกร้องทำไมล่ะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2009-08-27 15:26:06 IP : 61.90.68.218


ความคิดเห็นที่ 5 (3223361)

ลองไปไกล่เกลี่ยดูครับ รู้สึกว่าคดีนี้เจ้าหนี้ล้มละลาย แต่ลูกหนี้ไม่ล้มละลาย หรือไม่ก็ลองติดต่อที่กรมบังคับคดี เพราะว่าเรื่องของบริษัทเอกธนกิจจะอยู่ที่กรมนะครับ หรือไม่ก็ไปวางทรัพย์ที่กรมเลยจะดีกว่า น่าจะปลอดภัยกว่าครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น บ้านใหญ่ วันที่ตอบ 2010-11-09 19:46:16 IP : 183.88.58.64



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.