ครับเพิ่มเติมนะครับถ้าผมจะฟ้องแพ่งเนี้ยเค้าจะรับรึปล่าวครับ มีน้องคนนึงผมท้วงดีๆก็มาหัวหมอใส่ว่าฟ้องไงก็ไม่ชนะหรอก  บัตรประชาชนเค้าห้ามเก็บกัน เก็บไปก็มีความผิด แล้วฟ้องไปก็จะโดยเองเรื่องลิขสิทธิ์การ์ตูนผมเช็คดูเค้ายกเว้นใช่มั้ยครับ เพราะการ์ตูนผมซื้อมาไม่ได้เอาไปทำสำเนาเลย  มันบอกฟ้องไปก็ไม่คุ้ม  เราต้องเสียอะไรบ้างครับถ้าจะฟ้องจริง แล้วถ้ามันเช่าไปนานแล้วจะหมดอายุความยังไงครับ  คือไอ้น้องคนนี้มันก็พูดอย่างนี้ผมเลยเงียบไปเลยนี่ก็ผ่านมาแล้วเป็นปีแล้ว มันก็ส่งจดหมายย้อนมาว่าจะฟ้องก็คงฟ้องนานแล้วไม่ต้องส่งมาอีกนะจดหมายขู่จะฟ้องน่ะ คือผมลองเช็คดูถ้าคิดค่าปรับทุกวันที่เค้าเอาตกวันละ30บาทประมาณ400กว่าวันนี้ก็ประมาณ12000เนี้ยยังฟ้องได้อยู่รึปล่าวครับ แล้วฟ้องแล้วจะคุ้มไหมครับ นานรึปล่าว ขอบคุณครับ

อ่านแล้วรู้สึกค่อนข้างเห็นใจนะครับเพราะคนเราทำมาหากินสุจริต ถึงแม้จะไม่ไปถูกใจใครบางคนก็ตามที ไม่ทราบว่าเป็นหนังสือประเภทไหนหรอครับ ที่คนฟังแล้วต้องหาว่ามอมเมาหรือสมน้ำหน้าอ่ะครับ เพราะถ้าเป็นแค่การตูนหรือนิยายส่วนตัวผมก็มองว่าไม่น่าจะถึงขั้นมอมเมาอะไรนะ เพราะนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นไม่ใช่เด็ก ๆ บรรลุนิติภาวะหรือโตพอที่จะทำอะไรเองได้แล้วไม่ต้องคอยให้ใครมาชี้วัดว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร เขาคิดกันเองเป็น บางครั้งเขาอาจจะอ่านเพื่อคลายเครียดหรือใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ก็เท่านั้น ซึ่งดีกว่าไปเที่ยวเตร่ตามผับ บาร์ หรือนั่งหมกมุ่นอยู่กับยาเสพติดเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญการอ่านหนังสือประเภทนี้ก็ใช่ว่าจะทำให้การเรียนตกต่ำเสมอไปเสียเมื่อไหร่ อย่างที่คุณบอกบางคนเก่งกว่าเด็กไม่ชอบอ่านหรือไม่เคยอ่านเลยก็มีเยอะไป คือคนแบ่งเวลาเป็นก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ผมพูดนี้ใช่ว่าจะเข้าข้างร้านหรือคนอ่านการ์ตูนนะครับเพราะผมก็ไม่เคยอ่านและไม่เคยเช่าเลยครับเพียงแต่แสดงมุมมองที่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเสียหายอะไรมากนักและผมเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้างเพราะจะทำให้คน ๆ นั้นมีจิตสำนึกในการรักการอ่านมากกว่าคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลยก็เท่านั้นเองครับ

อยากรู้จริงว่ามหาลัยอะไร ที่อาจารย์ไม่สนใจในความรับผิดชอบที่จะต้องดูแลลูกศิษย์ให้อยู่ในกรอบและระเบียบของสังคม คือเรื่องการจะไปเรียกร้องทางกฏหมายอะไรมันก็อาจจะเกินไปหรือปล่าวเพราะราคาคงมิแพงมากนัก แต่คนที่ไม่คืนนี่หลาย ๆ คนมากเลยหรือว่าคนไม่กี่คนครับ บางทีอาจจะลืมหรือยุ่งจนไม่มีเวลามาคืนก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามผมว่าน่าจะไม่ยุติธรรมสำหรับกรณีนี้ ส่วนเรื่องข้อกฏหมายเป็นเรื่องของทางแพ่งครับไม่น่าจะเกี่ยวไปถึงอาญาเพราะเป็นสัญญาของทั้งสองฝ่ายระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าในเรื่องเช่าทรัพย์มากกว่า ผมว่าน่าจะหามาตรการอะไรมาแก้ปัญหานี้นะครับเพื่อป้องกันเหตุในอนาคตซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าร้านอื่นเจอปัญหาแบบคุณไหมแล้วเขาแก้ไขอย่างไร ยังไงรอฟังคอมเมนท์จากท่านอื่นดูก่อนก็ได้ครับ ผมแค่มาแสดงความคิดเห็นครับ

ปล...รบกวนบอกชื่อมหาลัยผมทางเมลล์ทีครับเผื่อว่าจะเป็นมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ ถ้าใช่ผมจะได้ช่วยประสานฝ่ายอาจารย์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ในเบื้องต้นให้ครับ เมลล์คือ art_siam@hotmail.com

พอดีพึ่งมาเห็น คคห.1 หลังจากแสดงความคิดเห็นใน คคห2. เสร็จอ่านแล้วรู้สึกขึ้นนิด ๆ กับการที่เยาวชนที่เขาเรียกกันว่า ปัญญาชน แต่กลับทำตัวไม่สมกับเป็น ปัญญาชน เลยน่าอายแทนชมัดผมก็ไม่เข้าใจนะครับว่าทำไมเขาถึงไม่คิดจะคืนกับแค่หนังสือราคาไม่กี่บาท ถ้าอยากได้จริงน่าจะมีกำลังซื้อได้ไม่ยาก เรื่องอายุความผมลองเปิดเช็คคร่าว ๆ มาได้ ดังนี้

คดีอันผู้ให้เช่าจะฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า ตาม ปพพ.ม.563

แต่ถ้าค้างชำระค่าเช่าทรัพย์สินก็น่าจะไปดูที่ ม.193/33 (3) คือ 5 ปี

อันนี้ผมเปิดดูคร่าว ๆ นะครับ ยังไม่ฟังธงละกันรอท่านอื่นมาตอบอีกทีละกันนะครับ ส่วนจะฟ้องคุ้มหรือไม่นั้นก็ลองคำนวนดูเอาละกันนะครับขอให้โชคดีนะครับ ... ขอบคุณครับ

ครับเป็นหนังสือการ์ตูนธรรมดาครับไม่มีการ์ตูนโป๊ เพราะผมไม่ใช่แนวนั้นครับ ค้างก็เยอะนะครับมีบางรายถ้าดูตามโปรแกรมคำนวณจริงๆ คนที่เป็นลูกค้าสนิทผมเลยยอมปล่อยหนังสือให้เยอะ พอคำนวณมาพึ่งรู้ว่ามากเพราะสนิทกันผมเลยไม่ได้สนใจเมื่อพบว่ามีการ์ตูนค้างก็ยังให้ยืมเพราะสนิทเชื่อใจกันปรากฏว่าเค้าเช่าไปข้ามช่วงปิดเทอมเลยเปิดเทอมมาผมก็ไปทวงถึงวิทยาลัย ไปให้เพื่อนเค้าที่เช่าการ์ตูนผมไปคุยให้ ส่งจดหมายขู่ดำเนินคดีก็เงียบครับ ยอดอยู่ประมาณเกือบ4หมื่นครับถ้าคำนวณตามโปรแกรม ผมก็เลยเจรจากับเค้าว่าพี่คิดเฉพาะหนังสือที่ต้องซื้อใหม่เพราะหายไปนาน ไม่ซื้อใหม่ลูกค้าก็หายแน่เพราะพี่แกเช่าไปเล่ม 1ตั้งหลายเรื่อง ผมบอกผมเอา10เปอร์เซ็นคือ4พันเค้าบอกแพงไป ผมก็fairอ่ะเอาหนังสือมาคืนจ่ายแค่2500เค้าก็โอเคสักขีพยานก็มีสรุปเค้าก็เบี้ยวไม่จ่ายผมจะทำอะไรเค้าได้ไหมครับ ช่วยด้วยครับ

-แนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต    ก็ทำบันทึกการเช่าแล้วให้ผู้เช่าแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน(อย่าไปเก็บตัวจริงงของบัตรฯของเขาเอาไว้) ที่ลงลายชื่อของเจ้าของสำเนา  และให้เขาเขียนระบุไว้ในสำเนาด้วยว่า  ใช้เป็นหลักฐานในการเช่าหนังสือ  พร้อมลงวันเดือนปีที่กำกับไว้..หรือทำบันทึกการเช่าไว้ในสำเนาบัตรฯเลยก็ได้........อาจดูหยุมหยิมไปหน่อย แต่สามารถใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องได้เป็นอย่างดีเมื่อเขาไม่ยอมส่งหนังสือคืน....อาจเข้าข่ายยักยอกฉ้อโกงได้  ถ้าเขามีเจตนาทุจริต......สำหรับคุณก็ควรตรวจสอบดูให้แน่ชัดด้วยว่า   หนังสือที่คุณให้เช่าเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่   เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากตามมาครับ