เรื่องคดีอาญาจะต้องนำข้อเท็จจริงทั้งหมด (คือเล่ารายละเอียดของวันเกิดเหตุเสมือนหนึ่งว่าคุณได้ไปกับเพื่อนในวันนั้นเลย) มาดูถึงจะวินิจฉัยถึงความรับผิดหรือไม่ผิด หรือ ข้อต่อสู้ได้ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถชี้ชัดหรือฟันธงได้เลยว่าใครผิดใครถูกหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าฟังจากข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ เพื่อนคุณอาจจะโดนข้อหา กระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตาม ปอ.ม.291 ซึ่งก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาลต่อไปส่วนจะได้รับโทษมากน้อยเพียงไรก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลครับ ซึ่งคดีอาญานั้นจะไม่เกี่ยวกับตัวเงินแต่จะไปพูดถึงเรื่องบทลงโทษมากกว่า การที่ผู้เสียหายฟ้องร้องก็เพื่อที่จะเอาผิดกับผู้กระทำความผิดเท่านั้นครับ

ถ้าฝ่ายผู้เสียหายฟ้องร้องแล้วผมแนะนำว่าปรึกษาทนายความที่จ้างไปทีเดียวเลยก็ได้ครับ เพราะจะได้คำตอบและหาทางออกกันต่อไปในคราวเดียวกันเลย ซึ่งผลที่ออกมามันอาจจะไม่หนักหนาอย่างที่คิดก็ได้นะครับ หรือถ้ายังไม่ได้จ้างและอยากจะปรึกษา สอบถามอะไรเพิ่มเติมก็ถามมาใหม่ได้นะครับ ถ้าตอบได้ยินดีตอบเสมอครับ ขอให้โชคดีนะครับ ... ขอบคุณครับ

เหตุเกิดประมาณตี2 ขอวันที่ 29 มกราคม 2553 ค่ะ ได้ขับรถออกมาจากไปเที่ยวผับ แล้วก็ไปชนเอาเกาะกลางถนนข้ามไปอีกฝั่งแล้วก็ชนเสาไฟฟ้าค่ะ หลังจากประสบอุบัติเหตุแล้ว คนขับก็ได้เอาตัวเองและเพื่อนที่นั่งข้างออกมาจากรถ และมีคนแถวนั้นช่วยนำส่งโรงพยาบาลค่ะ คนขับกับผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วคนขับก็บาดเจ็บพึ่งออกมาจากโรงพยาบาล

พ่อแม่ผู้เสียชีวิตเรียกเงิน 500000 ค่ะ มันเยอะมากเพราะไหนจะค่ารถ ค่าต่างๆๆอีกเยอะ ต้องทำไงบ้างค่ะ ช่วยบอกหน่อยนะค่ะ แล้วถ้าจะไกลเกลียต้องทำไงค่ะ ไม่รู้จิงๆๆค่ะ

ขอโทษนะค่ะที่ต้องรบกวนอีกครั้ง       และขอบคุณมากนะค่ะ

ควาเห็นผมไกล่เกลี่ยก็คือเจรจาตกลงกันเพื่อหาทางออกที่ทั้ง2ฝ่ายคิดว่าดีที่สุดไงครับ แต่อันที่จริงคดีอาญาเป็นคดีที่ยอมความกันมิได้ (ยกเว้นบางคดี) เพราะมันเป็นเรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของแผ่นดินมิใช่กระทบแต่ฝ่ายผู้เสียหายอย่างเดียว ถึงแม้ผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความ รัฐ ก็จะเป็นผู้ดำเนินการเข้าฟ้องร้องเพื่อให้ลงโทษผู้กระทำผิดอยู่ดี(ยกเว้นตำรวจจะไม่ส่งสำนวนฟ้อง) คือถ้าดูจากข้อเท็จจริงเท่านี้ผมก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าใครผิดหรือถูก เพราะว่ามันก็ไม่ต่างจากด้านบนเลย รายละเอียดที่ผมหมายถึงคือรายละเอียดทั้งหมดทุกการกระทำในวันนั้นอยู่ดี ๆ จะขับรถไปชนเสาไฟฟ้าเลยได้ยังไงมันจะต้องมีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น เช่น คุณออกมาจากผับก็ต้องมีการดื่มเหล้ามาด้วยหรือไม่ เมาหรือปล่าว แล้วก่อนจะไปชนเสาไฟฟ้า หักหลบอะไร มีอะไรตัดหน้าไหม หรือหลับใน หรือเสียหลักไปชนได้อย่างไร เป็นต้น เพราะถ้าอยู่ในศาลทนายจะซักคุณมากว่านี้หลายเท่าเรียกได้ว่าเค้นความจริงออกมาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นแหละคือส่วนสำคัญมากที่จะต้องไปดูประกอบการพิจารณาว่าจะผิดหรือไม่ผิด ควรลงโทษเบาหรือหนักดี เป็นต้น ครับ

เรื่องวิธีการในทางปฏิบัติรอท่านผู้เฒ่าหรือคุณทรงภพมาตอบอีกทีก็ได้ครับ เพราะผมยังไม่มีประสบการณ์ครับ

ตอบเท่าที่มีข้อมูลนะครับ เพื่อนของคุณ กระทำโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตายครับ เป็นความผิดอาญา และยอมความไม่ได้ครับ โทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

ส่วนคดีเเพ่ง การตายของบุคคลคนนั้น ทำให้ครอบครัว หรือบุพการีหรือผู้สืบสันดาน ของเขาเสียหายอย่างไร ทางฝ่ายญาติผู้ตาย จะฟ้องร้องเรียกจากเพื่อนของคุณอีกส่วนหนึ่ง หรืออาจจะฟ้องรวมเข้ามาในการฟ้องคดีอาญาเลยก็ได้ เรียกกันว่าคดีเเพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาครับ

เห็นใจคุณเหมือนกัน แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายเขาและเราต้องเสียคนที่รักไปจากการกระทำใดๆของใครคนหนึ่ง เราจะเฉยๆหรือครับ

การที่เพื่อนคุณเจรจาค่าเสียหายกับฝ่ายผู้เสียชีวิตได้ จะทำให้คดีส่วนเเพ่งจบลงไป และศาลอาจเห็นว่าคุณได้จัดการเยียวยาควาามเสียหายให้อีกฝ่ายแล้ว ประกอบกับการสืบพยานฝ่ายของเพื่อนคุณ อาจช่วยให้ศาลลงโทษสถานเบาก็ได้ครับ

-คดีทำนองนี้   ต้องใช้การไกล่เกลี่ยเจรจาเป็นหลัก    ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายผู้เสียหายเรียกร้องเงินค่อนข้างสูง  เพราะการเสียชีวิตถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต  การเจรจาประนีประนอมด้วยน้ำใสใจจริง และวันเวลาที่ล่วงเลยไป ความเศร้าโศกเสียใจย่อมค่อยๆลดน้อยถอยลง   น่าจะผ่านพ้นวิกฤตไปได้ สิ่งสำคัญคือคนกลางที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย  ต้องมีบารมีและประสบการณ์มากพอ....ส่วนทางอาญาถ้ามีการบรรเทาความเสียหายตามควรแก่กรณีแล้ว   ศาลน่าจะลงโทษสถานเบา.....แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา    ถ้าการไกล่เกลี่ยสามารถหาข้อยุติได้ด้วยดี  บางทีคดีอาจปิดลงแค่โรงพักก็อาจเป็นได้.....แม้เป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ก็ตามครับ

ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับข้อแนะนำและข้อคิดเห็น