แล้วได้เซ็นไปหรือปล่าวล่ะครับ คือลักษณะแบบนี้ผมก็เคยได้ยินมาบ้างนะครับว่าถ้าเป็นบุคคลสำคัญหรือรู้ข้อมูลในองค์กรนั้น ๆ เป็นอย่างดีก็อาจจะมีการตกลงกันได้มั้งครับ เช่น ว่าห้ามไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง เป็นต้น เพราะว่าเป็นการป้องกันนำข้อมูลความลับของบริษัทไปเปิดเผยครับ ส่วนข้อสัญญาที่ไม่ระบุเวลาหรือระบุเวลาที่ยาวนานเกินไปเช่น ตลอดชีวิต อันนี้ผมว่าน่าจะเป็นข้อสัญญที่ไม่เป็นธรรมได้นะครับ

ปล...ผมไม่ขอฟันธงนะครับว่ามีกฏหมายรองรับไหมเพราะเป็นเพียงแค่การแสดงความคิดเห็นที่ผมเคยได้ยินมาบ้างเท่านั้นครับ ส่วนการจะเซ็นสัญญาตกลงอะไรกันเป็นเงื่อนไขนั้นก็ย่อมทำได้ครับขึ้นอยู่กับคุณว่าจะยินดีหรือยิมยอมรับข้อสัญญานั้นหรือไม่ครับ ส่วนสัญญาไหนที่มันไม่เป็นธรรมก็สามารถเรียกร้องสิทธิบางประการที่พึงมีกลับคืนมาได้บ้างครับ รอท่านอื่นมาคอมเมนท์ดูอีกทีก็ได้ครับ

 ในบริษัทที่มีองค์ความรู้บางอย่างที่เป็นเรื่องสำคัญ อาจมีการให้ลูกจ้างเซ็นต์สัญญาก่อนเข้าทำงานว่าเมื่อลาออกจากบริษัทไปแล้ว จะต้องไม่ไปทำงานในบริษัทคู่เเข่งหรือในบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน ในเวลา...ปี หลังจากลาออกจากบริษัท ซึ่งสามารถทำสัญญาเช่นนั้นได้ ถ้าไม่มีข้อสัญญาที่ทำให้ลูกจ้างต้องรับภาระหนักเกินไปครับ จนอาจกลายเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้

แต่กรณีของคุณที่ถามมา เป็นกรณีพิเศษ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ ตอนจะเข้าทำงานไม่ต้องเซ็นต์สัญญาเช่นนั้น แต่ถ้าจะลาออก จะให้เซ็นต์สัญญาเช่นที่ว่า  ถ้าเป็นผม จะลาออกอยู่แล้ว จะไปเซ็นต์สัญญารับภาระผูกพันเช่นนั้นทำไมกันครับ

-โดยหลักแล้ว สัญญาย่อมผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาเสมอ....เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกา  ทำนองเดียวกับของคุณ   ศาลท่านวินิจฉัยว่าสัญญาใช้บังคับได้......แต่ผมยังค้นไม่เจอแต่ยืนยันมีฎีกาทำนองนี้จริง......กรณีของคุณถ้าต้องการประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับอดีตนายจ้าง   ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณใช้เทคนิควิธีทั่วๆไปในการประกอบการ  ไม่ใช้เทคนิควิธีเฉพาะที่เป็นของนายจ้างมาดำเนินธุรกิจ  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงเข้าข่ายข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม......ต้องใช้ช่องทาง  ทางศาล เพื่อให้มีการยกเลิกสัญญานี้   ถ้ายังไม่มีการยกเลิกสัญญาโดยชอบ    ถ้าคุณฝ่าฝืนคงถูกฟ้องฐานละเมิดสัญญาได้ครับ