ดิฉันมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง และได้ขุดหน้าดินไปขายให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พอสิ้นปีได้คำนวณภาษีโดยนำดินที่ขุดได้มาเป็นต้นทุน 70% แล้วหักรายได้จาก 100% เหลือกำไร 30% นำมาคำนวณภาษีเพื่อจ่ายให้กับสรรพากร แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรเรียกไปพบแล้วบอกว่า ดิฉันไม่มีสิทธิ์ใช้ดินที่ขุดก่อนนำไปขายมาคำนวณเป็นต้นทุน ต้องเสียภาษีจากยอดขายดินทั้งหมดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากว่ามีค่าจ้างรถขุดดินก็สามารถนำมาเป็นต้นทุนได้ ดิฉันให้เหตุผลไปว่าที่ดินเมื่อโดนขุดไปก็เกิดการสูญเสียเนื้อดินไปตามจำนวนที่ขุด และโดยธรรมชาติกว่าดินจะสะสมขึ้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลายาวนานมากก็น่าจะใช้เป็นต้นทุนได้ แต่เจ้าหน้าที่สรรพากรบอกว่า ถึงดินจะถูกขุดออกไป แต่ที่ดินก็ยังคงเหลืออยู่เท่าเดิม (ประมาณว่าดูโฉนดที่ดินเป็นหลัก) และอ้างถึงคดีที่เป็นความกันระหว่างสรรพากรกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งขุดดินออกไปขายเพื่อจะปรับสภาพพื้นที่สำหรับปลูกสร้างสิ่งก่อสร้าง ดิฉันก็ได้ท้วงไปว่าแต่กรณีของดิฉันไม่ใช่เป็นการสร้างสิ่งปลูกสร้างลงบนที่ดิน แต่ขุดดินในขอบเขตที่กฎหมายที่ดินกำหนดไว้ว่าจะขุดไปขายได้ในความลึกเท่านี้เท่านั้น เกินกว่าที่กำหนดก็ห้ามขุดดินขาย แต่สรรพากรก็ยืนยันว่าจะใช้หลักเกณฑ์ของบริษัทก่อสร้างที่ปลูกสร้างทับที่ดินที่ถูกขุดขาย และได้คำนวณอัตราภาษีจนดิฉันต้องเสียภาษีเพิ่มอีกจำนวนมากพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม  จึงอยากถามท่านว่า กรณีนี้ดิฉันสามารถนำดินมาใช้เป็นต้นทุนได้หรือไม่ เพราะเราก็สูญเสียเนื้อดินไปจำนวนมาก แถมเจ้าหน้าที่ฯ ยังบอกอีกว่าที่ดินที่ถูกขุดไปดิฉันสามารถนำไปใช้สร้างเป็นบ่อปลาได้ซึ่งก็จะได้ประโยชน์เพิ่ม แต่ดิฉันไม่ได้มีความคิดที่จะทำบ่อปลาค่ะเพราะไม่ชำนาญทางด้านนี้ และสงสัยว่าทำไมจึงไม่ให้ดินเป็นต้นทุนทางบัญชีด้วย  ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ค่ะ สำหรับคำตอบที่ดิฉันจะตั้งใจรออ่าน