ReadyPlanet.com


ช่วยด้วยค่ะ ดิฉันสูญเสีย..และถูกให้ร้ายภายหลัง...


สวัสดีค่ะ..คุณทนาย  ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ ดิฉันอยู่กับสามีมา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2541 เลิกกัน 2551 อันที่จริงเรื่องนี้ดิฉันปล่อยให้มันผ่านมาเนิ่นถึง 2 ปี เพราะดิฉันยอมเสียสามีที่ไม่ซื้อสัตย์ไปเองอย่างจำใจ (ในความโง่ของตนเองด้วย) แต่วันนี้ คนเหล่านั้น ได้ทำให้ดิฉันเสียงชื่อเสียง เป็นอย่างมาก เค้าราวีกันอย่างสนุกปาก...
                    ปี 2551 สามีดิฉัน ไปช่วยงานพ่อแม่ที่บ้านของเค้า ซึ่งดิฉันเห็นว่าอยู่บ้านคงไม่มีอะไร แต่ก็เกิดเรื่องว่าเค้าเกิดนอกใจไปได้เสียกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งเธอก็มีสามีแล้ว เรื่องมันดังมาถึงดิฉัน ดิฉันโทรไปคุยกับพ่อแม่ของสามี เค้าก็บอกว่าไม่รู้จะทำยังไง พอดิฉันบอกว่าจะขึ้นไปเอาเรื่องให้มันเด็ดขาดไปเลย ดิฉันคิดว่าพ่อแม่สามีรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย กลัวที่จะอับอาย จึงไปบอกพ่อแม่ฝ่ายหญิง ซึ่งทุกคนในเรื่องนี้ต่างก็รู้จักคุ้นเคยกันดี เพราะฉันเป็สะใภ้ที่นี่มา 10 ปี แค่ตอนนี้ดิฉันต้องทำงานไม่มีเวลาขึ้นไปในทันที ไม่กี่วันต่อมา แม่ของฝ่ายหญิงลงมาพูดดีๆ กับดิฉัน ทำเป็นมาเข้าข้างดิฉันว่า เขาไม่มีทางให้ลูกเค้ามาได้ก้บสามีดิฉันอย่างแน่นอน เพราะลูกเค้ามีคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยและมีอนาคตดีกว่าสามีดิฉันแล้ว ยังไงไม่ต้องร้อนใจ เพราะเค้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดคำไหน คำนั้น ผมสองสีแล้ว เค้าจะจัดการให้เราเอง บ้านพ่อแม่สามีดิฉันก็ด้อยกว่าเค้า บ้านเค้ามั่งมีเหนือกว่าทุกอย่าง ลูกสาวเค้าก็มีการศึกษาดี ไม่มีทางให้มาได้กับสามีดิฉันที่มีภรรยาอยู่แล้วอย่างดิฉันแน่ๆ แม่ของผู้หญิงคนนี้ พูดอย่างเอาเรื่องว่าไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราทั้งหมดรู้จักกันเป็นอย่างดี ดิฉันจึงไม่เอาเรื่องให้ดังเข้าขั้นประจาน ตั้งแต่นั้นสามีดิฉันก็ไม่กลับมา มีคนส่งข่าวให้ดิฉันรู้ว่าคนทั้งสอง ยังลักลอบได้เสียกัน ผู้หญิงถึงขั้นเลิกกับสามีที่กำลังจะแต่งงานด้วยเลย แต่คนที่นั่นเหมือนประนามการกระทำของคนทั้งสอง ดิฉันมารู้อีกทีก็สามีไปอยู่กรุงเทพ เค้าโทรมาบอกดิฉันว่าจะมาทำงานที่กรุงเทพสักพัก แล้วจะกลับมา ดิฉนรู้สึกเหมือนโดนหลอก จึงไม่ให้อภัย และไม่ให้โอกาสเค้า เป็นอันว่าเลิกกันตั้งแต่นั้น มีคนยังส่งข่าวมาเรื่อยๆ ว่าเจอสามีดิฉันกับผู้หญิงคนนั้นที่นั่น ที่นี่ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่เหมือนสิ่งที่ทำเอาไว้มันเลวร้ายในสายตาของชาวบ้านที่รู้จักกัน พ่อแม่ของสามีดิฉันก็บอกกับทุกคนว่าเค้าเลิกกับดิฉันไปทำงานที่กรุงเทพ พ่อแม่ของผู้หญิงก็ปกป้องลูกตัวเองว่าลูกไปทำงานอยู่ที่อื่นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสามีดิฉันแล้ว แตความลับมันไม่มีในโลก เพราะมีคนรู้จริง เห็นจริง ว่าสามีดิฉัน กับผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะมันมีเรื่องที่ชาวบ้านจับตามองว่าทำไมคนทั้งคู่กลับมาบ้านพร้อมกัน ถึงแม้ว่าจะมากันรถเมล์(สองแถว) คนละเที่ยว กลับกันไปไล่ๆ กัน แต่พยายามปกปิดความสัมพันธ์อย่างไร เค้าก็รู้กัน เพราะหมู่บ้านนี้มันเล็ก รู้จักกันไปหมด ใครทำอะไร ผิดปกติก็จะรู้กัน (ขนาดตอนที่ทั้งสองคนลักลอบกันยังมีคนรู้เห็นเลยว่าที่ไหน ตรงไหน ตอนไหน) พอเริ่มมีคนพูดกันว่าทั้งสองยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ แสดงให้เห็นว่าที่ดิฉันต้องเลิกรากับสามีที่อยู่กันมา 10 ปีก็เพราะผู้หญิงคนนี้  พ่อแม่ของผู้หญิงก็มาออกโรงด่าสาด ชาวบ้านว่า ดิฉันเลิกกับสามี มาตั้งนานแล้ว ก่อนที่สามีดิฉันจะมาได้ลูกเค้านั้น เลิกกันมาแล้ว ลูกสาวเค้าไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างนั้น เค้าปกป้องลูกเค้าโดยการสาดเสียเมเสียใส่ดิฉัน ว่าดิฉันนอกใจสามีก่อน สามีจึงเลิก แล้วก็มาเห็นอกเห็นใจกับลูกสาวเค้า แต่ก็นั่นแหล่ะ ความจริงเป็นอย่างไร ชาวบ้านที่นั่นก็รู้กันดี จึงมีคนส่งข่าวมาเล่าให้ดิฉันฟัง ดิฉันก็แค่รับฟังเท่านั้น เพราะจะให้โมโหแล้วไปว่าเค้าก็เท่านั้น จะฟ้องเค้าก็ต้องให้คนเล่าไปเป็นพยาน เค้าก็อยู่ที่เดียวกันดิฉันก็ไม่อยากให้ลำบากใจ คิดว่ารู้กันเท่านี้ ไม่เป็นไร เพราะถึงดิฉันไม่ใช่คนที่นั่น ก็ยังมีคนที่ให้กำลังใจดิฉัน ว่าดิฉันไม่เป็นอย่งที่พูดกัน แต่มันก็มีหลายความคิด อย่างบางคนก็ว่าจริงเพราะดิฉันไม่เคยไปแก้ต่างที่นั่น ตั้งแต่เกิดเรื่องที่คนสองคนลักลอบกัน ตอนนั้นฉันคิดโทษที่สามี ในเมื่อมันไม่ซื้อสัตย์ก็ปล่อยไป   แต่ตอนนี้  มันเป็นเรื่องที่ว่า ผู้หญิงคนนั้น มีเพื่อนซึ่งเป็นแฟนกันเพื่อนของดิฉันซึ่งเป็นผู้ชาย พยายามใช้เพื่อนเป็นเครื่องให้ดิฉันเสียหายในวงกว้างขึ้น บอกว่าดิฉันกันแฟนเพื่อนมีความสัมพันธ์กันมากกว่าเพื่อน ไปเจอที่นั่น ที่นี่ ไปกันแค่ 2 คน ทำให้เพื่อนดิฉัน กับแฟนของเค้าที่เป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้น ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นจะเลิกรากัน ดิฉันหมดความอดทนจึง ต่อว่าผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็ไปฟ้องแม่เธออีก ทีนี้ แม่เธอก็ท้าให้ดิฉันไปคุยกับเคาที่บ้านเค้า มีปัญหาอะไร ให้มาเลย ดิฉันจึงคิดว่าจะย้อนไปเรื่องเก่าด้วย อย่างน้อยก็จะได้ให้คนที่นั่นได้ยินจากปากดิฉันกันไปเลยว่า ลูกสาวของเค้ามีพฤติกรรมที่เสื่อมเสียจริงๆ ลักลอบได้เสียกับสามีดิฉันจริง และเป็นปัญหาให้ดิฉันเลิกรากับสามีในที่สุด การที่เค้ารักลูกแล้วปกปิดความเลวของลูกตัวเองน่ะ ดิฉันพอเข้าใจในความเป็นแม่ที่ต้องหลงผิดตามลูก แต่การให้ร้ายคนอื่นอย่างเสียหายปกป้องลูกตัวเองนี่ดิฉันคิดว่ามันน่าจะมีบทเรียนที่ทำให้เค้ารู้สึกบ้าง นี่เค้าก็พูดฝากบอกใครต่อใครมา ว่าให้ขึ้นไปเลย เค้าจะแจ้งให้ตำรวจจับดิฉัน ในข้อหาหมิ่นประมาท ดิฉันยังไม่เข้าใจเลย ว่าดิฉันยังไม่ได้พูดอะไร เค้ารู้ได้อย่างไรว่าดิฉันจะพูดในสิ่งที่เค้าฟ้องดิฉันได้ แล้วถ้าดิฉันต้องพูดเรื่องจริงทั้งหมดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองบ้างนั้น เค้าฟ้องเอาความผิดดิฉันได้ยังงั้นหรือคะ ในเมื่อมันเปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และดิฉันก็ยอมไม่สนใจมาตลอด จนมาเรื่องนี้ จะทำให้เพื่อนของดิฉันเลิกกันกับแฟน จะเอาพวกเค้าไว้ทำไมคะ มันคะนองปากกันขนาดนั้น และอีกอย่างดิฉันก็อยากรู้ด้วยว่าที่พ่อแม่สามีบอกตั้งแต่แรกว่าไม่รู้เรื่องนั้นจริงหือไม่ ทำไมเค้ารู้กันทั่ว ถ้ารู้เห็นเป็นใจ ทั้งที่ดิฉันให้ความเคารพมาตลอด ก็จะได้ขาดกันไปเลย ชาวบ้านจะได้รู้กันว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก

                                  ดิฉันอยากสอบถามว่า การที่เราจะไปเจรจาเรื่องที่ลูกสาวเค้าว่าเราเสียหายนั้น เราสามารถขอตำรวจท้องที่ (เค้าจะไปกับเรามั้ย) เหมือนไปเป็นพยานรับฟัง การระงับความเสียหายซึ่งกันและกันนั้น โดยที่ฉันมีสิทธิฟ้องเค้า แต่ดิฉันจะไม่ฟ้องขอพูดด้วยดีๆ ก่อน นั้นทำได้หรือไม่ ดิฉันตัวคนเดียว แต่ก็อยากปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง เค้าทำผิดกันมาตั้งแต่ต้น เค้าจะไม่ยอมให้ดิฉันได้พูดเรื่องเก่าๆ เพราะลูกสาวเค้าเป็นคนทำผิดศีลธรรมจริง ดิฉันจะถูกฟ้องหมิ่นประมาทตามที่เค้าขู่ไว้ได้หรือไม่ เพราะอย่างไร การไปครั้งนี้ดิฉันต้องทำให้ทุกคนรู้ให้ได้ว่าต้นเหตุแห่งความเลนั้น คือแม่ที่ช่วยลูกสาวของตัวเองแย่งสามีชาวบ้านให้มาเป็นของลูกตัวเอง...ถ้าดิฉันต้องถูกฟ้องจริง ความผิดมีถึงขั้นไหน ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้เค้าเท่าไหร่ ดิฉันอาจต้องยอมจ่าย เพราะดิฉันก็ไม่ไหวที่จะให้เป็นอย่างนี้ค่ะ ดิฉันก็เป็นลูกมีพ่อแม่ เค้าลือเค้าเล่าอ้างว่าดิฉันมีชู้ จนสามีทิ้งมานานแล้ว ดิฉันกับสามีไม่ได้จดทะเบียนกัน จึงฟ้องไม่ได้แต่แรก  แต่สามีสุดแสบของดิฉันก็มีชนักติดหลังให้เล่นงนอยู่มาก เค้าหนีทหาร ปี 43 เป็น 2 ปี กำหนดปลด ปี 45 อายุความ 10 ปี ก็น่าจะหมดอายุความปี 2555  และเอกสาร สด.9 เค้าก็เอาไปปลอมแปลงว่าจับได้ใบดำ (เอาไปถ่ายเอกสาร เอาลิขวิดลบ เขียนว่า "ดำ" แล้วไปถ่ายเอกสารอีกที่ก็จะเป็นว่าจับได้ใบดำ) ไปสมัครงาน แต่ดิฉันก็ไม่อยากทำ  ถ้าไม่จำเป็น
                               ขอความกรุณาช่วยตอบปัญหาของดิฉันด้วยนะคะ กลางเดือนหน้า พฤศจิกายน ดิฉันจะไปจัดการพวกเค้าค่ะ...ขอบคุณมากมาย ถือว่าสงสารคนโดนรังแกอย่างดิฉันด้วยนะคะ...



ผู้ตั้งกระทู้ สุภัสสรา (supassara_a-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-29 02:09:49 IP : 125.27.202.30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3220191)

ถ้าข้อเท็จจริงเป็นดั่งที่คุณกล่าวมาทั้งหมดก็รู้สึกเห็นใจและขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คุณคงจะอัดอั้นใจมากเลยทีเดียวถึงได้พิมพ์เล่นเอาสะผมตาลายเลย(อันนี้ล้อเล่นนะครับ) ก็ถ้าดูจากข้อเท็จจริงนี้คุณสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ทั้งแม่ของฝ่ายหญิงและฝ่ายหญิงเลยตาม ป.อ. ม.326 เพราะเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้คุณเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังได้ และสามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนในการกล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณอันเป็นการกระทำละเมิดตาม ป.พ.พ. ม.423 เพราะผู้กระทำรู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง

ทางที่ดีอย่าไปหมิ่นประมาทเขาจะดีกว่าครับ เพราะตามหลักแล้วแม้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถจะพิสูจน์ได้ว่าถ้าข้อหาที่หมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริงก็ไม่ต้องรับโทษได้ แต่กฏหมายห้ามพิสูจน์ถ้าข้อที่หาว่าหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และ การพิสูนจ์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ฉนั้นถ้าคุณจะเอาผิดกับเขาจริงแนะนำให้ไปฟ้องในข้อหาดังกล่าวแทนจะดีกว่าเพราะจะมีแต่ได้กับได้นะครับ แต่ถ้าไม่อยากเป็นคดีความจะลองเจรจาตกลงกันก่อนก็ได้ครับ เผื่อเรื่องอาจจะลงเอยด้วยดีเป็นสิทธิของคุณอยู่แล้วครับที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้เพราะหมิ่นประมาทเป็นคดีที่ยอมความกันได้ ส่วนจะเชิญตำรวจไปด้วยนั้นก็ลองไปเชิญเขาดูครับถ้าเขายอมไปเพื่อช่วยเจรจาก็ดีไปครับ

ปล...แต่ถ้าจะฟ้องหมิ่นประมาทจะต้องร้องทุกข์(แจ้งความ) หรือ ฟ้องคดีเองต่อศาลภายในกำหนดเวลา 3 เดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด และ สิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิด(รู้ถึงการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายที่ำให้คุณเสียหาย)และรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนะครับ ถ้าเกินเวลาดังกล่าวจะฟ้องไม่ได้ครับเพราะขาดอายุความ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-10-29 03:00:35 IP : 61.90.114.60


ความคิดเห็นที่ 2 (3220207)

ขอแนะนำให้คุณยอมยุติเรื่องทั้งหมด     อย่าคิดไปฟ้องร้องในข้อหาใดๆให้เสียเวลาเลย โดยเฉพาะข้อหาหมิ่นประมาท เพราะการหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของเขาไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ    จะทำให้คุณต้องเสียเงินและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์  และยิ่งเพิ่มความเจ็บช้ำน้ำใจ ซ้ำเข้าไปอีก ไม่ต้องเสียเวลาไปคิดเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้  ให้สูญเสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ  จะได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ต้องไปฟังใครเล่าเรื่องเหล่านี้ให้คุณฟังอีก  เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรในชีวิต เหมือนเป็นผู้หวังดี  แต่ประสงค์ร้าย  อโหสิกรรมแก่ทุกคนแล้วคุณจะมีความสุข อย่างแท้จริง 

ผู้แสดงความคิดเห็น sa วันที่ตอบ 2010-10-29 08:37:34 IP : 125.26.106.247



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.