-ก็ไม่ชัดจนว่าคุณถูกฟ้องในเรื่องอะไร   คุณก็เคยมีประสบการณ์ในการฟ้องเรียกสินสมรสคืน  กรณีนี้เมื่อถูกฟ้อง   ก็ต้องหาทนายความยื่นคำให้การต่อสู้ไปตามขั้นตอน คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับคุณมากนัก  แต่เรื่องค่าใช้จ่ายก็มีความจำเป็นต้องมีตามมาแน่นอนครับ

เรียนคุณผู้เฒ่า  วันนี้มีคุณทนายแนะนำให้ฟ้องกลับ ข้อหาเบิกความเท็จ เป็นคดีอาญา จริงแล้วดิฉันไม่อยากให้อะไร อะไร มันเลวร้ายไปกว่านี้ เพราะทุกเหตุการณ์พยายามไม่ให้ลูกสาวทราบเลย ถ้าวันไหนไปขึ้นศาล เช้าดิฉันก็ไปส่งลูกสาวที่ โรงเรียน ตามปกติ เย็นก็ไปรับ ไม่อยากให้เค้ากระเทือนใจ ที่พ่อแท้ๆ และย่า กำลังร่วมกันทำอะไรกับแม่ของเค้าอยู่ ไม่รู้ว่าเค้าโชคดีหรือโชคร้ายที่เกิดมาเป็นลูกของดิฉัน    อยากถามคุณผู้เฒ่า นอกจากนี้มีทางออก อื่น อีก ไหม คะ ถ้าดิฉันไม่สู้ก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องเสียเงินตามฟ้องหลักล้าน (เงินก็ไม่มีก่อนหน้าก็ไปกู้เค้ามาสู้คดียักยอกสินสมรส)  คือหมดตัวแล้ว   สุดท้ายข้อขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

-ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ดีว่า   ทำไมคุณจึงถูกฟ้องข้อหายักยอกสินสมรส   ปรึกษาทนายความที่คุณติดต่อ  เขาคงหาออกให้คุณได้  ถ้าคุณเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยละเอียด....

เรียนคุณผู้เฒ่า จะขอให้รายละเอียดนะคะ คือดิฉันอยู่กินกับสามีจนมีลูกหนึ่งคน เราจดทะเบียนสมรส ปี 45 ต่อมาเราก็มาซื้อบ้านหนึ่งหลัง ปี 49  เราทั้งคู่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจซึ่งมีสวัสดิการเงินกู้ ดิฉันให้บ้านเป็นชื่อของสามีคนเดียวเพื่อสะดวกในการทำนิติกรรม เพราะเข้าใจว่าอย่างไรก็เป็นสินสมรส ตอนไปทำนิติกรรมเงินกู้ ที่ที่ดิน ดิฉันต้องไปเซ็นต์ ชื่อ ยินยอมและรับทราบการเป็นหนี้ของสามี มูลค่าบ้านประมาณ  1,500,000 เราก็ผ่อนกันมาเลื่อย ๆ  จนประมาณต้น ปี 52  ดิฉันจับได้ว่าสามีนอกใจ เราจึงมีข้อตกลงกันว่าให้เค้าออกไปอยู่กินกับคนใหม่ไป บ้านนี้ให้ดิฉันและลูกอยู่กันตามลำพัง แต่บ้านให้เค้าผ่อนไปเป็นปกติ เพราะดิฉันไม่สามารถอยู่กับเค้าได้จริงๆ  เหตุการณ์ก็น่าจะดี แต่ไม่เป็นเช่นนั้น  วันดีคืนดี แม่สามี ก็มาด่าถึงบ้านว่าทำไมไม่ให้ลูกกูอยู่ ลูกกูออกเงินอยู่คนเดียว ออกคนเดียวจริงแต่เค้าก็ไม่ได้มาจุนเจือภายในบ้านและลูกเลย พอหลังจากแม่สามีมาด่า ก็พบหนังสือขับไล่ที่ตู้จดหมายหน้าบ้าน มีข้อความว่า "โอนบ้านหลังนี้ให้แม่.........แล้ว ให้รีบย้ายออกไปมิฉะนั้นจะนำตำรวจมาไล่ โฉนดลืมมาให้ดู"   เมื่อพบข้อความดิฉันก็รีบหาข้อมูล จากธนาคารที่ผ่อน ปรากฎว่าเค้าให้แม่เบิกเงินส่วนตัวประมาณ ล้านสี่แสนบ้าน มาไถ่ถอนทรัพย์ออกไปจากธนาคารแล้วใส่ชื่อแม่เค้าคนเดียว(เหมือนลูกขายแม่) โดยอ้างศาลว่าเป็นหนี้แม่ ตนเองผ่อนไม่ไหว ดิฉันปรึกษากันคุณทนาย ดิฉันฟ้องทั้งแพ่ง และอาญา โดยสองแม่ลูกเป็นจำเลยร่วมกัน  จริงแล้วอาญาก็เพื่อจะบีบให้เค้าคืนของมากกว่าไม่มีเจตนาอื่น ในที่สุด หนึ่งปี เราก็ชนะคดี แพ่ง เพิกถอนนิติกรรมและขอใส่ชื่อร่วมด้วย พิสูจน์ว่าเป็นสินสมรสจริงส่วนเงินที่นำมาซึ้อทรัพย์ศาลท่านไม่กล่าวถึงเพราะว่าเป็นการซื้อไม่สุจริต  เมื่อคดีแพ่งสิ้นสุดดิฉันก็ถอนฟ้องอาญา  คุณผู้เฒ่าคะมาถึงตรงนี้คดีน่าจะจบแล้ว เค้าสองแม่ลูก กับดิฉันสองแม่ลูกคุณคิดดูนะคะ ทั้งคดี นามสกุลเดียวกันหมดแลย    วันเวลาผ่านไปได้สักพักดิฉันก็ได้รับหมายฟ้องเรียกทรัพย์คืน   ก็คือทรัพย์(เงิน) ที่แม่สามีถอนจากธนาคารนำมายักยอก สินสมรส และอ้างว่าเคยให้เงินลูกต่างหากอีกหนึ่งล้าน ซึ่งแต่ละครั้งที่ให้เงินลูกเค้า ดิฉันไม่ทราบเลย เพราะมูลค่าบ้าน ล้านห้าแสน ผ่อนๆ สามปี ต้นก็ลดไปประมาณ สองแสนกว่า  จาก ล้านสี่ ที่มาไถ่ถอนทรัพย์ คำฟ้องของเค้าก็เพิ่มเป็น สองล้านสี่แสน พร้อมดอกเบี้ยในอนาคตด้วย  แม่สามีเป็นโจทย์ โดยฟ้องลูกตนเป็นจำเลยที่หนึ่ง ดิฉันเป็นจำเลยที่สอง  คุณผู้เฒ่าคะ ณ วันนี้ดิฉันไม่มีเวลามาก เพราะคุณแม่ดิฉันป่วยเป็นไตวายระยะสุดท้าย มีลูกเล็กๆ ที่กำลังเติมโตเป็นเยาวชนของชาติ โดยเป็นปีแล้วที่พ่อเค้าก็ไม่มาดูแลเลย และ มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ   ถามคุณผู้ค่ะ ว่าคดีนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน  มันเหนื่ย มันเบื่อ ไม่สู้ก็ไม่ได้ พอชนะฝ่ายที่แพ้ก็เจ็บอก เจ็บใจ อีก ก็หาเรื่องมาฟ้องอีก ขอเล่าอีกนิดแม่สามี มีบ้านหลายหลังซึ่งบ้านหลังนี้ไม่เกี่ยวกับเค้าเลย  ดิฉันอยากทราบว่าทนายฝั่งแม่สามีดิฉันมีสิทธิทำอะไรเค้าได้ไหม ทำไมถึงหลับหู หลับตาฟ้อง ไม่จบสักที  บอกแล้วว่ามันเสียเวลาเลี้ยงลูก ซึ่งลูกก็เป็นหลานแท้ๆของโจทย์   ดิฉันอยากจะให้เรื่องของดิฉันเป็นธรรมทานกับท่านผู้อ่านทุกท่านโดยเฉพาะผู้หญิ่ง  ถ้าแต่งงานและจดทะเบียนแล้ว เวลาจะซื้อบ้านหรือที่ดิน อย่าคิดว่าอย่างไรมันก็คือสินสมรสแล้วเย็นใจ คุณผู้หญิงทุกท่านต้องใส่ชื่อร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นเค้าไปแอบโอนให้ใครๆ ถ้าเวลาผ่านไปหนึ่งปี คุณก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรได้เลย ต้องทำให้มันถูกต้อง ไม่ต้องไปรำคาญเรื่องเอกสารเหมือนดิฉัน เพราะมาถึงวันนี้กว่าดิฉันจะพิสูจน์อะไรเอกสารที่เราว่ายุงยาก พอเรื่องมันเกิดแล้วมันยุ่งกว่าที่คิดไว้เป็นร้อยเท่าพันเท่า เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา   ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

-เมื่อถูกฟ้องก็ต้องให้ทนายความยื่นคำให้การ  ตามข้อเท็จจริงตามที่คุณเล่ามา   เรื่องผลของคดีจะออกมาอย่างไร   คงตอบไม่ได้   เพราะกระบวนในศาล   เป็นเรื่องของเทควิธี  ที่ต้องอาศัยกลยุทธ์มากมาย  เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่า  ไม่ต้องรับผิดตามที่ถูกฟ้อง    และสุดท้ายก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลเป็นสำคัญ......ตามความเห็นส่วนตัว    คดีนี้คุณน่าจะไม่ต้องรับผิดตามฟ้องครับ

ขอพระคุณ ท่านผู้เฒ่า ที่เสียสละเวลาอันมีค่า ค่ะ

 ความจริงวันนี้ เราสองแม่ลูกได้รับความเมตตาจากศาลมาก ความดังกล่าวแค่สุดที่ ศาลท่านไตร่สอบและติหนิโจทย์ว่าโจทย์ไม่ควรนำคดีที่เคยวินิฉัยแล้วมาฟ้องร้องอีก ศาลต้องการให้โจทย์ถอนฟ้อง ไม่เช่นนั้น ถือว่าหมิ่น ศาล  เป็นอันว่ายุติ ที่โจทย์ถอนฟ้องไป คะ  

 หวัดดีคับกรณีสามีภรรยาหย่าขาดกันแล้วมีสิทธ์ฟ้อนเรียกสินสมรสได้ไมครับถ้ามีกรณีไหนบ้างคับ