ReadyPlanet.com


เจ้าของที่ดินเอาเปรียบมาก


สวัสดีครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษา
คือผมเปิดร้านอาหาร แล้วได้เช่าร้านชั้นเดียวติดถนน
ในราคาเดือนละ15000บาท ค่าทำสัญญา3ปี60000
ข้อความในสัญญาเช่าที่สำคัญก็คือ
"หากผู้เช่าทำการต่อเติมสิ่งก่อสร้างใดๆ เวลาย้ายออกห้ามรื้อถอน"
ทีนี้ผมอยู่ได้มาประมาณ2เดือน เจ้าของที่ก็มาบอกว่าจะมาต่อเติมข้างหลังบ้าน
โดยการต่อหลังคา เทปูน คิดค่าใช้จ่าย20000บาทเพิ่ม โดยให้ผมเป็นคนออกเงิน
ซึ่งผมก็ได้บอกเจ้าของที่ไปแล้วว่าไม่มีเงิน ไม่อยากทำ แต่เจ้าของที่ก็บังคับ
โดยบอกว่าห้องอื่นๆทุกห้องเค้าทำกันหมด เราจะไม่ทำเจ้าเดียวได้ยังไง
(เจ้าของที่บอกอย่างนี้กับผู้เช่าทุกคน แผนสูงมากๆเลย )
แล้วเจ้าของที่ก็บอกว่า ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร ผ่อนเอาก้ได้
หลังจากทำการต่อเติมเสร็จผมก็เข้าไปถามเจ้าของที่ว่าจะผ่อนเดือนละ1000บาท เจ้าของที่ก็ด่าผม โดยใช้คำพูดแรงมากๆ ขนาดผมเสนอ2000
เจ้าของที่ก็ไม่สน ยืนยันให้จ่าย5000บาท 4งวด
จากนั้นเรื่องผ่อนผมก็เงียบๆไป ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
เท่านั้นไม่พอ เมื่อ3วันก่อนมาบอกผมว่าหลังบ้านทำเสร็จแล้ว
แต่ เวลาผมล้างจาน น้ำมันไหลไปทางถนน เจ้าของที่ก็เลยบังคับให้ผมจ้างช่างของเค้า มาทำการกั้นอิฐแดงที่ก้อนละ25สตางค์ ซึ่งผมก็รู้สึกเสียวๆแล้ว ว่าจะมาจู้จี้อะไรกับเรานักหนา ผมก็เลยบอกว่าให้ช่างเสนอราคามาก่อน ผมบอกย้ำเรื่องเสนอราคาไป3-4รอบ เจ้าของที่ก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นผมก็ไปทำงาน พอ2วันต่อมา ช่างทำการกั้นอิฐแดงเสร็จ เทปูนฉาบปูนเรียบร้อย เจ้าของที่ใช้เสมียนเอาบิลมาเก็บเงินผม3000บาท ซึ่งโดยราคาจริงๆน่าจะประมาณ1000บาท
อิฐแดงก้อนละ25-50สตางค์100ก้อน
ปูนน่าจะไม่เกิน200บาท
ค่าแรงช่าง2วัน จริงๆก็คือทำครึ่งวัน 2วันต่อเนื่อง น่าจะไม่เกิน600บาท
แต่เจ้าของที่เอาบิลมาเรียกเก็บ3000บาท
ผม ก็เลยโต้เถียงกับเจ้าของที่โดยใช้น้ำเสียงโกรธ แต่คำพูดสุภาพ พูดตามหลักการและเหตุผล แต่เจ้าของที่ก็ขู่มาว่าคุณอยากจะอยู่แค่3ปีใช่ไหมจากนั้นก็เดินหนีไป
เวลาผ่านไป3ช.ม. เจ้าของที่ให้ลูกชายมาคุยกับผม ว่าตกลงจะเอายังไง จะจ่ายไหม3000บาท แล้วค่าทำหลังบ้าน20000บาทจะเอายัง
ซึ่ง ผมก็คุยผ่านลูกชายไปว่าให้ไปเจรจาลดราคาค่ากั้นน้ำ3000บาทมาก่อนมันแพงไป ส่วนค่าทำหลังบ้าน20000 ผมขอผ่อนเดือนละ2000บาท ลูกชายเค้าก็รับปากว่าจะไปคุยให้
สรุปผมของถามทุกท่านหน่อยนะครับว่า
1.หากผมไม่จ่ายเงิน3000บาท และ20000บาทซึ่งเป็นค่าทำหลังบ้านผมจะผิดไหมครับ? (ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร)
2.มีวิธีการไหนไหมที่จะเรียกร้องความยุติธรรม หรือ ป้องกันการเอาเปรียบจากเจ้าของที่ได้บ้างครับ?
3.เจ้าของที่อายุเกือบ60 แต่พูดจากวนมากๆ เจรจาไม่มีหลักการ เอาเปรียบผม
พูดไม่เป็นคำพูดกลับกลอก ผมอายุ22ไปพูดด้วยหลักการเหตุผล แต่อาจจะเสียงดังด้วยความโกรธ
ลูก ชายเจ้าของที่อายุ22มาบอกว่าผมพูดจาก้าวร้าวขึ้นเสียงกับพ่อเค้าให้ไปขอโท ดพ่อเค้า เป็นทุกท่าน จะทำยังไง ไปขอโทดเจ้าของที่ไหมครับ?
ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้านะครับ



ผู้ตั้งกระทู้ คนเดือดร้อน :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-11 05:16:39 IP : 113.53.46.254


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3223621)

ตามปกติแล้วการต่อเติมหรือดัดแปลงอย่างหนึ่งอย่างใดในทรัพย์สินที่เช่านั้น จะต้องได้รับอนุญาตจากจากผู้ให้เช่าก่อนจึงจะมีสิทธิทำได้ แต่เมื่อข้อเท็จจริงนี้ไม่ปรากฏว่าคุณมีความต้องการที่จะต่อเติมหลังคานั้นแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการต่อเติมหรือกระทำการโดยผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ให้เช่าเอง แล้วเขาจะมาเรียกเก็บเงินกับคุณได้อย่างไรเพราะไม่ใช่ความผิดของคุณแต่หากเป็นการบังคับต่อเติมโดยอ้างถึงการต่อเติมของห้องอื่น ๆ ซึ่งหาใช่สาระสำคัญแห่งความจำเป็นในอันที่จะต้องต่อเติมหลังคานั้นไม่ ฟัง ๆ ดู เหมือนว่าเขาจะเห็นแก่ตัว และเอารัดเอาเปรียบผู้เช่าน่าดู 

กับกันว่าสิทธิในอันเรียกคืนค่าใช้จ่ายพวกนี้ต่างย่อมเป็นสิทธิของผู้เช่าต่างหากที่มีสิทธิทำได้ เพราะผู้้ให้เช่าจะต้องส่งมอบทัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้วตามมาตรา 546 แต่ถ้าหากว่าผู้เช่าต้องเสียค่าใช้จ่ายไปโดยความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่านั้นเท่าใด ผู้ให้เช่าจะต้องชดใช้คืนแก่ผู้เช่า เว้นแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเพียงเล็กน้อยตามมาตรา 547 หรือ ผู้ให้เช่าจะต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่เช่า และผู้ให้เช่าต้องจัดการซ่อมแซมทุกอย่างบรรดาซึ่งเป็นการจำเป็นขึ้น เว้นแต่การซ่อมแซมชนิดซึ่งกฏหมายหรือจารีตประเพณีว่าผู้เช่าจะต้องทำเองตามมาตรา 550 จะเห็นได้ว่าหน้าที่และความรับผิดของผู้ให้เช่านั้นจะดูเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมาก หากว่าทรัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นชำรุดบกพร่องหรือส่งมอบทรัพย์สินที่ไม่สมบูรณ์ให้กับผู้เช่า ฉนั้นการต่อเติมหลังคาในกรณีนี้เป็นความต้องการส่วนตัวของผู้ให้เช่าเองโดยที่มิได้มีความจำเป็นใดในอันที่จะต้องทำการนั้น อีกทั้งก็หาใช่เป็นการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาความชำรุดบกพร่องแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อคุณมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงไม่ควรที่จะต้องรับผิดในเหตุแห่งการต่อเติมนั้นแต่อย่างใดครับ

1. เมื่อคุณมิได้เป็นฝ่ายผิดในข้อสัญญาแต่อย่างใด และไม่ใช่สิทธิที่ผู้้ให้เช่าจะสามารถเรียกร้องกับคุณได้ ฉนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปจ่ายครับ  

2. คุณก็ทำตามสิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าที่พึงมีไปตามปกติ ส่วนการเอารัดเอาเปรียบหรือเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็ไม่ต้องไปจ่าย ถ้าเขาอยากได้ให้เขาไปฟ้องร้องเอาครับ ซึ่งถ้าถึงตรงนั้นศาลจะคนพิสูจน์เองว่าใครเป็นฝ่ายผิด

3. อันนี้แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละบุคคลนะครับ แต่ถ้าเป็นผมซึ่งเจอเหตุการณ์แบบที่คุณเล่ามา ผมไม่ไปขอโทษหรอกครับถ้าหากว่าไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทำผิดทั้งในแง่สัญญา หรือ ด้านคุณธรรมก็ตาม แ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-11-11 10:25:53 IP : 58.9.43.175



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.