ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ก็คงมีโทษ 5  ปี   ตามระเบียบก็ใช้หลักปรกัน ปีละ 15,000  บาท ก็คงประมาณ  75,000  บาท  เรื่องใช้ข้าราชการบำนาญประกัน  ก็ต้องถามตำรวจเจ้าของคดีดูว่าเขาจะอนุมัติหรือไม่   ถ้าให้ข้าราชการประกันก็คงประมาณ  ซี  5  ขึ้นไป  การใข้นายประกันที่มีบริการตามศาล  ถ้าจ่ายไปแล้วเขาคงไม่ให้คืน...เรื่องการประกันจะมีครอบคลุมไปถึงชั้นอุทธรณ์หรือไม่  ก็อยู่ที่การตกลงกัน.........อย่างไรก็ตามบางทีถ้าตำรวจ หรืออัยการ  หรือศาล   เชื่อว่าคุณไม่คิดหลบหนี     อาจให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันก็ย่อมทำได้    เพราะกฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้  แต่เท่าที่พบมักให้มีหลักประกันเสมอ......

ผมจะถามว่าภรรยาผมก็โดนคดีลักทรัพย์ประมาณ 7 ล้านบาทแต่โดนยัดข้อหาให้ สรุปแล้วก็ไอ้เฒ่าหัวงูกักขังวางยาสลบข่มขีนพอผู้หญิงฟื้นก็ขังไว้เป็นของเล่นของไอ้เฒ่าแต่พอหลบหนีออกมาได้มันตามมาหาที่บ้านไม่เจอก็แจ้งความยัดข้อหาลักทรัพย์มูลค่ากว่า 7 ล้านเหตุเกิดเมื่อปึ 49 (ที่มารู้ว่า 7 ล้านมีหมายจับ)ผมอยู่เป็นสามีภรรยากัน

ประมาณ ปี 2552 ไม่เคยรู้เลยว่ามีหมายจับ สมัครทำงานมาหลายบริษัทดังหลักฐานบัตรพนักงาน และช่วงประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 เวลาประมาณ 16.40 น. จึงรู้ว่ามีหมายจับจากสถานีตำรวจประน้ำจุฬา ฯ. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการ นำโดย ร.ต.อ. ภูวนาท แก่นจันทร์ รองสารวัตรสืบสวนบางปูพร้อมลูกน้องอีก 3 ท่าน ได้นำหมายจับจากสถานีตำรวจประน้ำจุฬา ฯ.มาเชิญตัว ภรรยา ตัวผม และ (บุตรสาวกับภรรยาเก่า) ที่อยู่ในบ้านเดียวกันซึ่งขณะช่วงเวลา 17.20 น.นั้นยังเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนเวลาปกติ อยู่โรงเรียน สมุทรปราการ แล้ว ร.ต.อ. ภูวนาท แก่นจันทร์ รองสารวัตรสืบสวนบางปูบอกกับผมโทรหาลูก นั่งแท็กซี่มาสถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการเดี๋ยวนี้เลยพร้อมทั้งจ่ายค่าแท็กซี่ให้ ไปที่ สถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการ เพื่อสอบสวนโดยมี พ.ต.ท. ธรศกรณ์  ก้อนจันทร์ สารวัตรสืบสวน เป็นผู้สอบสวน เมื่อสอบไปได้เวลา 2-4 ชั่วโมง ลูกน้องที่เป็นตำรวจได้นำรถมารอเพื่อส่งตัวมาที่สถานีตำรวจประน้ำจุฬา ฯ.แต่ ร.ต.อ. ภูวนาท แก่นจันทร์ รองสารวัตรสืบสวนบางปู บอกกับลูกน้องที่เป็นตำรวจไม่ต้องส่งตัวและยังบอกว่ากลับบ้านถ้าใครถามก็ให้บอกว่าตำรวจจับมาสอบสวนตามหมายจับผลสุท้ายปล่อยตัวกลับบ้านทั้งหมดในเวลาประมาณ 23.20 น. และตั้งแต่ที่สถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการ  ปล่อยตัวกลับบ้านมา ภรรยาผม ก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดาไปทำงานตลอดไม่มีเจตนาหลบหนีไปไหนจนถึงปัจจุบันมีหมายจับจากสถานีตำรวจประน้ำจุฬา ฯ.มาเชิญตัว ทั้งๆที่ผมก็มีปัญหาว่ามีหมายจับแต่ทำไมไม่นำส่งเจ้าของพื้นที่คดี ผมจึงโทรมาถามที่สน.ประน้ำจุฬาผมบอกข้อมูลรายละเอียดต่างๆที่อยู่ที่ทำงานโดยที่ไม่ได้หลบหนีไปไหนไปทำงานปกติธรรมดาแต่อยู่ๆตำรวจ ประน้ำจุฬามาจับแล้วแจ้งผลงานว่าตัวเองมาจับตามหมายมันจเป็นต่อคดี  ผมได้ไปที่สถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการ วันที่ 1 สิงหาคม 2554 เวลา 7.56 น. เพื่อขอสำเนาครั้งที่เชิญตัวไปสอบตามหมายจับจากสถานีตำรวจประน้ำจุฬา ฯ. แต่สารวัตรและรองสารวัตรสืบสวนทั้ง 2 ท่านได้ย้ายไปหมดแล้ว สอบถามตำรวจนอกเครื่องแบบในห้องสืบสวนคนหนึ่งใส่แว่นผิวขาวอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็บอกว่าไม่รู้ตอนย้ายสถานีใหม่เอกสารหายไป (แต่ไม่ค้นหาเอกสารใดๆเลย ) สอบถามห้อง ท่านรองผู้กำกับ พ.ต.ท.พิสุทธิ์  (จำนามสกุลไม่ได้) บอกว่าให้ติดต่อเจ้าตัวเค้าเอง สรุปไม่ได้รับความร่วมมือเลยจากตำรวจของประชาชน  แต่ผมก็มีสำเนาที่เคยมีปัญหาครอบครัวเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจบางปู  จังหวัด สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2553 ลงรายมือชือภรรยาผมเพื่อหลักฐานว่าไม่เคยหลบหนีไปไหนเลย ถามว่าจะประกันตัวชั้นศาลอุทธรณ์ได้หรือไม่