-1. ถ้าเป็นที่ป่าสงวน  สัญญาจะซื้อจะขายคงไม่มีผลบังคับ สัญญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อกฎหมาย  ก็คืนเงินมัดแก่เขาไป......  คุณสามารถไปกรีดยางได้ตามปรกติ  

2. ก็แจ้งข้อหาลักทรัพย์  และทำให้เสียทรัพย์  ในทางแพ่งก็เรียกร้องค่าเสียหายได้

3.  ก็อย่างที่ตอบในข้อ  1   ที่สาธารณะหรือที่ป่าสงวน  ไม่มีใครมีสิทธินำไปซื้อขายกันได้    แต่ผู้ที่เข้าครอบครองและทำประโยชน์ย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่น  เรื่องการบุกรุกป่าสงวน ก็เป็นของรัฐที่ต้องไปดำเนินการฟ้องร้องขับไล่  เอกชนด้วยกันไม่มีอำนาจฟ้อง.....กรณีของคุณ   ถ้าผู้จะซื้อเขาฟ้องศาล   จะแพ้ชนะหรือไม่   ถ้าตอบไป  ก็คล้ายกับว่า  ผมไปรู้ดีกว่าศาล  เป็นการไม่สมควร      เอาเป็นว่าตามความเห็นของผม  ฝ่ายของคุณน่าจะได้เปรียบกว่าครับ

4. น่าจะไม่มีผลอะไรในทางกฎหมาย

ผมแจ้ง เขาแล้ว ว่าคืนเงินมัดจำ  แต่เค้า ไม่ ขอรับเงิน มัดจำ อะคำ จะเอาให้ได้    ไปแจ้งความให้ร้อยเวร เรียกตัว มา เขาก็ไม่มา  ผมเลย ลงบันทึกประจำวัน ไว้ ว่า ได้มา คืนเงินมัดจำและ  ยกเลิกสัญญา จะซื้อจะขาย   ผม ทำ ถูก ขั้นตอนไหม คับ  

แต่ วัน ครบกำหนด เขาไปแจ้งความว่า   เขา ได้เอาเงินมาให้พ่อตาผม แต่พ่อตาผม ไม่ขอรับเงิน  ซึ้ง ผม ได้แจ้งความไ ว้ ก่อนหน้า นี้เรียบร้อยแล้วคับ     ขอรบกวนเพื่อ ความสบายใจ ด้วย นะคับ   ท่าน ผู้เฒ่า

-เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทกันทางแพ่ง   ไปแจ้งตำรวจ  ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก   การบันทึกเรื่องคืนเงินมัดจำไว้  ก็คงพอใช้เป็นหลักฐานได้  หากเขาคิดฟ้องร้อง...ฝ่ายคุณมีสิทธิในที่ดินดีกว่าผู้อื่น   ก็ยึดถือหรือดูแลป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารบกวนสิทธิได้เต็มที่   ถ้าฝ่ายเขายังติดใจ  ก็ต้องไปฟ้องร้องทางแพ่ง   เพื่อบังคับให้ฝ่ายของคุณโอนที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย     ซึ่งผมก็ได้แสดงความเห็นไปแล้วว่า  สัญญาใช้บังคับไม่ได้    ในขณะนี้ก็ประกอบอาชีพตามปรกติ   ไม่ต้องไปหวาดวิตกจนเกินเหตุ  ถ้ามีการฟ้องร้อง  ก็คงมีหมายมาส่งถึงบ้าน  ก็ค่อยแก้ไขกันไปตามกระบวนการและตามขั้นตอนครับ

ขอบคุณ ท่าน ผู้ เฒ่า มากๆๆๆๆคับ    ตอนนี้ แฟนผมคงสบายใจแล้ว