ก็ถ้าเป็นการทำร้ายร่างกายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ ถ้าหากสาหัสโทษก็จะหนักขึ้นไปอีก การจะดูว่าสาหัสหรือไม่มันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฏหมายกำหนดไว้ จะดูหรือคิดเองไม่ได้ ซึ่งจากข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเข้าองค์ประกอบของความผิดใดบ้าง แต่เบื้องต้นถ้าเขาได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็เป็นไปตามที่กล่าวไว้ครับ แต่ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่าเป็นการทะเลาะวิวาทซึ่งลงไม้ลงมือกันทั้งคู่แบบนี้เขาจะไปแจ้งเอาผิดกับคุณไม่ได้แล้วนะครับ เพราะไม่ถือเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บมากกว่าคุณก็ตาม

ขอบคุณนะคะที่ช่วยตอบคฎถามของหนู หนูขอรบกวนถามอีกนิดนะคะ อีกฝ่ายที่เป็นผู้ทะเลาะกับเราเขาได้รับบาทเจ็บด้วยการที่เราใช้มีดทำร้ายร่างกายเขา แต่เขาหายดีแล้ว เขาต้องการจะแจ้งความว่าเราทำร้ายร่างกาย และยังกล่าวหาอีกว่าทำร้ายคนพิการ ซึ่งผู้ที่ได้รับความเสียหายนั้นได้บอกว่าเขาได้รับจากอุบัติเหตุรถชนแล้วมีอาการตามัว เดินเขากะเพลก(ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเรากระทำ) แต่เขายินยอมถ้าเราจ่ายค่าเสียหายให้ สามแสนบาท พี่คะพอจะมีทางไหนบ้างที่จะช่วยเราได้ หากเป็นทางกฎหมายสาเหตุแบบนี้จะเป็นอย่างไรคะ และอีกอย่างคู่กรณีของเราเขาได้รับบาดเจ็บโดยเรากระทำแต่เขาก็กระทำแต่โดยคำพูด และเขาก็เป็นเด็กที่นิสัยไม่ดี ช่วยรบกวนพี่ช่วยตอบหนูหน่อยนะคะ

ถ้าเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท  ต่างฝ่ายไม่ใช่ผู้เสียหาย   คงแจ้งความดำเนินคดีไม่ได้    แต่เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้  ตำรวจก็สามารถส่งเรื่องให้อัยการดำเนินคดีได้   ส่วนใครจะมีความผิดอย่างไร  ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง  แต่คดีแบบนี้แม้ยอมความไม่ได้   ตำรวจมักให้คู่กรณีเจรจาตกลงกันก่อน ถ้ามีการชดใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจกัน  เรื่องก็จบลงได้ที่โรงพัก  ดังนั้นต้องหาวิธีตกลงเจรจากันเพื่อให้เรื่องยุติ  เรื่องเขาบาดเจ็บหรือพิการมาก่อนหรือไม่  เป็นข้อเท็จจริง  ก็ต้องหาทางเจรจาตกลงกัน  ก็เป็นเรื่องธรรมดา   เมื่อมีโอกาสเขาก็คงหาเหตุมาอ้างเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้มากสมใจ  ดังนั้นคนกลางที่ทำหน้าที่เจรจาต้องรอบรู้  ใจเย็นและอดทน  ก็มีกรณีตัวอย่างมากมายมักมีการเรียกร้องค่าเสียหายไว้ค่อนข้างสูง    แต่มักจบด้วยการได้รับค่าเสียหายเพียง  30-40%ของที่เรียกร้อง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นอยู่ที่คนกลางเป็นสำคัญ

ขอบคุณนะคะที่ตอบคำถามให้และให้คำปรึกษา หนูเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยหนูจะนำคำแนะนำของพี่ไปใช้นะคะ ขอขอบคุณถึงไม่เคยรู้จักกันแต่คุณดีมากๆที่ช่วยให้คำปรึกษา ขอบคุณจริงๆขอบคุณคะ......หน่อย

"และอีกอย่างคู่กรณีของเราเขาได้รับบาดเจ็บโดยเรากระทำแต่เขาก็กระทำแต่โดยคำพูด"  ถ้าจากข้อเท็จจริงนี้มันรับฟังได้ว่าคู่กรณีของคุณมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้นแต่อย่างใดเลย เพราะเป็นเพียงแต่ใช้วาจาหรือด่าคุณกลับเท่านั้น จึงไม่ใช่เหตุอันสมัครใจที่ตัดสิทธิในการร้องทุกข์ของเขา ดังนั้นเขาจึงตกเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของคุณอย่างเต็ม ๆ ครับ ซึ่งเขาสามารถแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องคดีเองได้ แม้ในทางปฏิบัติมักจะมีการยอมความกันถ้าหากมีการเจรจาชดใช้ด้วยเงิน เพราะตำรวจไม่ทำหน้าที่สอบสวนต่อและส่งสำนวนให้อัยการฟ้อง แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความกันได้ตามกฏหมาย เพราะฉนั้นถ้าหากมีบุคคลใดมากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีนี้ก็จะถูกดำเนินคดีได้อีกในภายหลังจนกว่าจะขาดอายุความครับ