-ปัญหามีอยู่ว่า   การที่ยายโอนที่ดินให้ป้า  เป็นการถูกฉ้อฉลจริงหรือไม่  ต้องฟ้องศาลให้มีการเพิกถอนการโอนที่ไม่ชอบนั้นก่อน   ถ้าศาลให้เพิกถอนการโอน   ก็ยังมาติดภาระหนี้สินกับธนาคารอีก   ธนาคารก็คงให้เจ้าของเดิม(ยาย) รับผิดชอบในหนี้สินจำนวนนี้ ธนาคารคงไม่ปล่อยให้หนี้สูญไปง่ายๆ  เพราะเขามีทีมกฎหมายที่แข็งแกร่งเสมอ.......กรณีนี้ยายคงทำพินัยกรรมมอบที่ดินให้ลูกๆทั้ง 5  คนไม่ได้  เพราะในขณะนี้  ที่ดินเป็นของป้า  ไม่ใช่เป็นของยาย  ต้องฟ้องเพิกถอนการโอนที่ไม่ชอบก่อน.....และกรณีนี้ไม่ใช่เป็นการยักยอกมรดก  เพราะเจ้าของที่ดิน(ยาย)ยังไม่ถึงแก่กรรมครับ

ขอบคุณครับ สรุปคือถ้าป้าไม่ยอมโอนที่ดินคืนให้ยาย ก็ต้องพึ่งศาลอย่างเดียว แล้วคนที่จะดำเนินการฟ้องต้องเป็นยาย หรือลูกคนอื่นได้ครับ เพราะยาย อายุจะ 90 ละครับ ป้าที่รับโอนไปเป็นลูกคนกลาง มีพี่จากแกอีก 2 คน น้องอีก 1คน ดูจากเจตนาแล้ว เหมือนป้าแกคิดจะฮุบที่ผืนนี้ไว้คนเดียว เพราะแกปิดเงียบ ที่เรื่องแดงเพราะพี่ของยายไปคั้นเอากับยาย ยายจึงเล่าให้ฟังทั้งหมด ท่านครับถ้าฟ้องศาล ยายจะตั้งลูกฟ้องแทนได้หรือปล่าวครับ ต้องจ้างทนายหรือปล่าวครับ

-ก็ให้ยายมอบอำนาจให้ลูกคนใดคนหนึ่งไปฟ้องแทนได้  เรื่องนี้ทนายความเขาทราบและคงแนะนำได้เป็นอย่างดี.......แต่ก่อนจะดำเนินการ  ควรตรวจให้ชัดเจนก่อนว่า    ป้ามีเจตนาหลอกลวงให้ยายโอนที่ดินให้จริงหรือไม่(ขอตรวจสอบการจดทะเบียนโอนที่สำนักงานที่ดิน) ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ในประเด็นนี้ได้ว่ามีการฉ้อฉลหรือหลอกลวง    น่าจะเสียเวลาและเสียเงินเปล่าครับ.......การขอตรวจสอบหลักฐานการโอน     ถ้าไปขอตรวจสอบเอง    เจ้าหน้าที่บางคนอาจแสดงอาการฉุนเฉียว ตามประสาข้าราชการไทย   ที่มักลืมตนว่าเป็นเจ้านายของประชาชน ทั้งๆที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน   บางทีก็ต้องพึ่งทนายความให้ช่วยเหลือ  ดำเนินการให้   แต่ก็คงมีค่าใช้จ่ายตามมาแน่นอนครับ