ที่บอกว่าที่ดินทุกแปลงมีชื่อคุณพ่อเป็นผู้จัดการมรดก   ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร  ถ้าจะให้เดา   ก็คงหมายความว่า  คุณพ่อได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของใครซักคน   แต่มาเสียชีวิตก่อน  ใช่หรือไม่.................   หลักกฎหมายมีอยู่ว่า   ถ้าคุณพ่อมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกแปลง   คุณซึ่งเป็นบุตรย่อมเป็นทายาทโดยธรรม     สามารถร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของพ่อได้   น้องของคุณพ่อไม่สิทธิ์ในทรัพย์มรดกนี้แต่อย่างใด  เว้นแต่จะมีประเด็นว่า คุณไม่ใช่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของคุณพ่อ    น้องของพ่อจึงจะมาคัดค้านได้       ตอบตามการคาดคะเน  ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร      คุณควรบอกข้อเท็จจริงให้ชัดเจนกว่านี้     จึงจะสามารถตอบได้ถูกต้องชัดเจน

ขอบคุณสำหรับคำตอบมาก ๆ ครับ  ที่บ้านมีพี่น้อง 4 คน  พ่อเป็นลูกชายคนโต เมื่อคุณปู่เสีย  คุณพ่อจึงได้ยืนขอเป็นผู้จัดการมรดก และได้เปลี่ยนที่ทุกโฉนดเป็นชื่อคุณพ่อมานานแล้วครับและที่ทุกผืนก็สัญญาว่าจะแบ่งให้ทุกคนเท่า ๆ กัน  แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  พ่อได้เสียชีวิตโดยที่ยังไม่ทันได้แบ่ง จึงเป็นชื่อของคุณพ่อทั้งหมด  เมื่อเสร็จงานศพกระผมจึงบอกกับญาติ ๆ ทุกคนว่ากระผมจะขอเป็นผู้จัดการมรดกของคุณพ่อเองและเมื่อเสร็จสิ้นก็จะนำมาแบ่งให้ทุกคนตามที่เคยแบ่งไว้  แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกำลังจะขึ้นศาลวันที่ 28 กันยายน 2553นี้ น้องของพ่อ ทั้ง 3 คนก็บอกว่าไม่ให้เราเป็นผู้จัดการมรดก  และบอกว่าเราไม่มีสิทธิ เพราะคุณย่ายังมีชีวิต  และได้รวมตัวกันจ้างทนายจะมาขอเป็นผู้จัดการมรดกแล้วจะโอนกลับเป็นของคุณย่าโดยที่จะไม่ให้ที่แก่ลูก ๆ อย่างกระผมกับน้องเลย ผมซึ่งไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี  และวันที่ 28 กันยายน 2553ต้องไปศาลหรือไม่ครับ  แล้วถ้าจะไปจ้างทนายสู้จะสู้ได้หรือเปล่าและต้องจ้างที่ไหน ราคาแพงหรือเปล่าคับ  และเรายืนขอเป็นผู้จัดการมรดกก่อนแล้ว น้อง ๆ พ่อสามารถยื่นได้อีกหรือปร่าว   ชอบคุณมากนะครับ

คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน  แต่ในใบจ้างเกิดเป็นคุณพ่อ  หรือทะเบียนบ้านชื่อของเราก็เป็นคุณพ่อ  ตลอดจนเงินชาปณกิจของ ธกส พ่อก็ใส่ชื่อเรา  ถือว่าเราเป็รลูกที่ถูกตามกฏหมายหรือเปล่าครับ

จากข้อเท็จจริง พ่อเป็นเพียงถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแทนทายาทคนอื่นๆ เมื่อพ่อเสียชีวิต   พี่น้องของพ่อจึงสามารถร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้  เพราะเขาเป็นผู้มีส่วนได้เสีย  แม้คุณซึ่งเป็นบุตรยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว    พี่น้องของพ่อเขาก็มีสิทธิ์โต้แย้งได้    ซึ่งใครจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก   เป็นดุลยพินิจของศาล  คุณควรไปศาลตามนัด   เพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับพี่น้องของพ่อด้วย  เพราะคุณก็ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียเช่นกัน..........ตามกฎหมายกองมรดกนี้ผู้มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมี 5  คนด้วยกัน   คือย่า   และพี่น้อง4  คน(รวมคุณพ่อของคุณด้วย)      ถ้าที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างปู่และย่า    ย่าจะได้รับส่วนแบ่งก่อนครึ่งหนึ่ง   อีกครึ่งหนึ่งแบ่งเป็น 5  ส่วนเท่าๆกัน (ย่า   และพี่น้อง 4  คน) ส่วนคุณในฐานะบุตร    จะได้รับมรดกแทนที่  คือรับหนึ่งส่วนจากส่วนแบ่งของพ่อ    ถ้าที่ดินไม่ใช่สินสมรสระหว่างปู่และย่า(ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้) ที่ดินก็แบ่งเป็น  5  ส่วนเท่าๆกัน      สำหรับคุณในเมื่อบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน   ก็ย่อมมีปัญหาว่าคุณเป็นบุตรโดยชอบของบิดา  ที่มีสิทธิรับมรดกหรือไม่  ถ้าบรรดาน้องๆของพ่อสามคน  เขาโต้แย้งขึ้นมาว่าคุณไม่มีสิทธิรับมรดก  คุณก็ต้องมีภาระต้องพิสูจน์ว่าคุณเป็นบุตรที่บิดารับรองโดยปริยายแล้ว   เช่น  ยินยอมให้ใช้นามสกุล    อุปการะเลี้ยงดูมาแต่แรก    ฌาปนกิจ ธกส. ถ้าใส่ชื่อคุณเป็นผู้รับประโยชน์   และมีชื่อเป็นบิดาในทะเบียนบ้าน  ก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้  แต่ศาลจะเห็นด้วยหรือไม่  เป็นเรื่องที่เราคนนอกคงคาดเดาไม่ได้   คุณควรหาทนายความช่วยเหลือ   ก็ตกลงค่าใช้จ่ายกับเขาเอาเอง   ถ้าไม่มีที่ปรึกษาที่เข้มแข็ง   คุณคงลำบากในการต่อสู้   เพราะกระบวนการในศาล  ต้องใช้เทควิธีมากมาย