ReadyPlanet.com


DNA


อยากเรียนถามเพื่อไว้เป็นความรู้ค่ะ สมมุติว่าถ้าหนูท้องและคลอดลูกแล้วหนูได้ไปรู้จักกับนักธุรกิจระดับประเทศคนนึง แต่หนูต้องการยัดเยียดลูกให้เขาโดยบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาสามารถทำได้ใช่ไหมค่ะ เพราะว่า

- หนูมีสิทธิที่จะไม่ตรวจ DNA  และไม่มีใครบังคับให้หนูไปตรวจได้...

หมายเหตุ ถ้ากฎหมายเปิดช่วงว่างไว้เช่นนั้นจริงๆ หากมีคนที่ตัองการทำร้ายชื่อเสียง เช่นต้องการทำร้ายชื่อเสียงของคนที่ตนเองนั้นไม่ชอบด้วยแล้ว....สังคมจะเป็นเช่นไรถ้าไม่เปิดโอกาสให้ตรวจสอบ

อาทิเช่น ถ้าหนูบอกว่าเฮี้ยฮ้อเป็นพ่อของเด็กในท้องหนูก็ได้ และจะบังคับให้หนูตรวจ DNA ก็ไม่ได้ และที่สำคัญมันเป็นเครื่องมือทำให้ผู้ชายเสียหายได้ด้วย.....เรื่องนี้ถ้าคุณไม่เคยโดนแล้วก็คงไม่รู้ซึ้ง อยากให้พวกประธานองค์กรสิทธิต่างๆ โดนบ้างจังแล้วจะได้รู้ว่าพวกนั้นจะทำตัวอย่างไรในการปกป้องตัวเองบ้าง....

จุ๊ๆ....หนูไม่ตรวจ DNA นะคะ เพราะหนูไม่เรียกร้องอะไรต่างคนต่างอยู่ ลูกหนูๆเลี้ยงเองได้......

ทนายความเว็ปนี้ถ้าไม่โดนไม่รู้สึก



ผู้ตั้งกระทู้ จอย :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-12 12:06:58 IP : 124.122.120.47


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3217513)

สงสัยจะมิได้ติดตามข่าวสาร เพราะเคยมีอธิบดี DSI ออกมาพูดกรณีนี้แล้วว่า ฝ่ายชายสามารถใช้กระบวนการยุติธรรมทางศาล เพื่อให้ศาลสั่งให้มีการตรวจดีเอ็นเอได้ แต่หลักการสำคัญฝ่ายชายจะต้องร้องขอต่อศาลโดยแสดงเจตนาชัดเจนว่า ประสงค์จะรับรองบุตรว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่จะขอตรวจดีเอ็นเอก่อนแล้วจึงค่อยรับผิดชอบ ซึ่งการใช้กระบวนการทางศาล หากศาลสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอเด็ก แม่ของเด็กจะคัดค้านไม่ได้ และถือเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กที่มีสิทธิจะรู้ว่าใครเป็นพ่อ ซึ่งหากผลตรวจปรากฏว่า ไม่ใช่พ่อเด็ก ก็จะไม่สั่งให้รับรองบุตร

เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องดาราที่กำลังเป็นข่าวอยู่ ซึ่งก็สรุปได้เลยว่าฝ่ายชายสามารถใช่สิทธิทางศาลไปขออำนาจตรวจได้เสมอแต่ที่เขาไม่ทำเพราะอาจจะไม่อยากทำร้ายน้ำใจหรือไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายเพราะบางทีถ้าเขาอยู่กัน 2 คนคุยกัน 2 คนเรื่องทั้งหมดมันอาจจะไม่บานปลายอย่างทุกวันนี้ก็ได้ แต่ผมสงสัยอย่างนึงว่าทำไมคุณต้องใช้คำพูดที่เสียดสีไปถึงบุคคลภายนอกรวมถึงทนายเว็ปนี้ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครับ

สรุปอีกที ที่บอกว่าไม่มีใครบังคับให้หนูไปตรวจได้เลยนั้น ไม่จริงครับเพราะฝ่ายชายสามารถใช้สิทธิขออำนาจศาลทำได้ และกฏหมายก็มิได้เปิดช่องว่างอย่างที่คุณข้าใจครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-10-12 17:13:58 IP : 58.9.121.216


ความคิดเห็นที่ 2 (3217530)

เรื่อง ดีเอ็นเอ  เคยมีผู้ถามไปที่  www.meechaithailand.com  ท่านอาจารย์มีชัย ก็ได้ตอบไปในทำนองเดียวกับคุณ  pup   ก็ลองไปเปิดอ่านดูได้  เพราะความเห็นของนักกฎหมายมือหนึ่งของเมืองไทย    คงทำให้คุณคลายสังสัยค้างคาใจลงได้.......ดูจากสำนวนที่ถามมา    ก็พอมองออกว่า  ผู้ถามคงหลงดาราจนโงหัวไม่ขึ้น     พอมีข่าวว่าดาราผู้นั้นมีลูก  ก็เลยฟิวส์ขาด  อาละวาดฟาดหางไปทั่ว  แม้เขายังไม่มีลูกหรือยังไม่แต่งงาน   เขาคงไม่มาชำเลืองตามองคุณหรอก    อย่าหลงละเมอเพ้อพกไปให้เสียเวลาเลย  ที่องค์กรต่างๆออกมาปกป้อง     เพราะลูกผู้หญิงคนหนึ่งถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง(รายละเอียดคงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง)  เขาก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า    แล้วคุณไปเดือดร้อนอะไรกับเขา  ขอถามหน่อย           ..... จุ๊ๆๆๆๆ หนูหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น......  คนเป็นทนายความ   เคยโดนมาแล้วทุกรูปแบบ  คงไม่ระคายผิวหรอก กับคนบ้าดาราคนหนึ่ง...

ผู้แสดงความคิดเห็น ดินน้ำลมไฟ วันที่ตอบ 2010-10-12 18:54:18 IP : 125.26.110.19


ความคิดเห็นที่ 3 (3217598)

คุณ ดินน้ำ ลมไฟ คุณเป็นทนายแต่คุณก็ๆไม่แตกต่างกับคนทั่วไปหลายๆคนที่พิพากษาหรือคาดเดาไปเองแล้ว เรื่องยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลย คุณก็พิพากษาไปแล้วตามที่คุณเข้าใจไปเอง ถ้าเป็นตัวคุณเองแล้วจะรู้รส.....

- เจ้าของกระทู้เขาต้องการให้วิเคราะห์ว่า ช่องว่างของกฎหมายมันอาจมีขึ้นได้ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความคิดที่จะต้องการให้อีกฝ่ายเสียหาย โดยเอากฎหมายบางข้อที่มีเงื่อนไขมาบังคับ (ไม่เจาะจงว่าคนใดคนนึง แต่เป็นแบบรวมๆ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุญบันดาล วันที่ตอบ 2010-10-13 10:27:10 IP : 110.164.166.168


ความคิดเห็นที่ 4 (3217667)

คือผมค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกของทั้ง 2 ฝ่ายนะ คือ อย่าง จขกท. ไม่บอกใคร ๆ ก็คงเดาหรือรู้ได้ว่าเป็นการพูดถึงกรณีดาราที่เป็นข่าวอยู่ หาได้พูดแบบรวม ๆ ถึงคนทั่วไปไม่(สังเกตุได้จากมีชื่อบางคนหลุดออกมา) เพียงแต่เขาไม่พูดตรง ๆ ก็เท่านั้น และเขาไม่รู้ว่ามีข้อกฏหมายที่ฝ่ายชายสามารถทำได้ พอเสพข่าวสารมามาก ๆ ก็เลยเกิดความที่ทนไม่ได้ (เพราะตัวเองชื่นชอบหรือเชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายหนึ่ง) แต่ทีนี้ประเด็นของ จขกท. คือใช้คำพูดที่่ค่อนข้างจะมีอารมณ์และเสียดสีพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างเช่น ทนายเว็ปนี้ ซึ่งมิได้รู้เห็นหรือพาดพิงใครในตัวละครมาก่อนเลย เมื่อเป็นดังนี้ คุณ ดินน้ำลมไฟ ก็เลยอาจจะตอบโต้ไปด้วยอารมณ์บ้างแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เกิดจาก จขกท. ล่ะครับ กล่าวคือ ถ้า จขกท. ถามคำถามด้วยคำพูดที่สุุภาพ ไม่เล่นคำหรือเล่นน้ำเสียงมากนัก คุณ ดินน้ำลมไฟ ก็คงจะไม่พูดด้วยอารมณ์ก็เป็นได้ คือเรื่องนี้อย่างที่ผมบอกมันเป็นเรื่องของคนสองคน และผมก็มิเคยไปตัดสินว่าใครผิดหรือถูก เพราะลำพังเพียงเสพจากข่าวอย่างเดียวมันเชื่อไม่ได้หมดทั้ง 100% ขึ้นอยู่กับวิจารณญานส่วนบุคคลมากกว่า ว่าใครจะมีมากน้อยกว่ากันเพียงไร

ปล...ที่ออกมาพูดนี่มิได้มีเจตนาจะซ้ำเติม จขกท. หรือ ช่วยปกป้องคุณ ดินน้ำลมไฟแต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่อยากจะสื่อให้เห็นว่าเจตนาของแต่ละคนนั้นเป็นเช่นไร

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-10-13 20:25:24 IP : 58.9.41.171


ความคิดเห็นที่ 5 (3217776)

ประเด็นมีอยู่ว่า  ฝ่ายชายไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายหญิงหรือไม่ ถ้าไปพัวกันจริง  แม้ในข้อเท็จจริงอาจไม่ใช่ลูกของเขา   แต่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง  คงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้  เมื่อทราบว่าหญิงพัวพันกับชายหลายคน   แล้วไปยุ่งเกี่ยวด้วยทำไม    ก็ทำนองเหยีบรอยโจร สังคมก็มองว่าเป็นโจรแน่นอน  กระบวนการตรวจทางวิทยาศาสตร์  เป็นเพียงยืนยันความเป็นพ่อลูกกันหรือไม่  แล้วที่ไปนอนกับเขา จะไม่มีส่วนรับผิดชอบเลยหรือ ประเด็นมันอยู่ตรงจุดนี้   ไม่ใช่เรื่องว่าจะเป็นลูกของใครหรือไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น 1 วันที่ตอบ 2010-10-14 13:15:55 IP : 118.172.14.197


ความคิดเห็นที่ 6 (3218426)

เฮ้อ...ไม่เจอกับตัวเองก็เลยไม่รู้ความรู้สึก....วิเคราะห์กันเก่งทุกคนจังเลยนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตอเรส วันที่ตอบ 2010-10-18 20:01:22 IP : 124.120.0.164



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.