[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
นส.3 | |
นายดำ กับ นางแดงจดทะเบียนสมรสกัน มีลูก 2 คน | |
ผู้ตั้งกระทู้ โก้ :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-20 15:06:48 IP : 124.120.64.222 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3234393) | |
โจทก์ที่อาจารย์ให้มาทำหรอครับ ที่ดินที่นายดำรับมาโดยการให้โดยเสน่หานั้นถือเป็นสินส่วนตัวตามมาตรา 1471(3) เมื่อที่ดินเป็นสินส่วนตัวแล้วนายดำก็ย่อมมีกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ต่อมานายดำสร้างบ้านลงบนที่ดินนั้นบ้านที่สร้างขึ้นมาภายหลังจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายดำแต่เพียงผู้เดียวด้วย เพราะบ้านเป็นส่วนควบกับที่ดินที่นายดำผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้นด้วยตามมาตรา 144 วรรค2 ดังนั้นบ้านและที่ดินนี้จึงเป็นสินส่วนตัวที่นายดำมีกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวและเมื่อนางแดงไม่มีกรรมสิทธิ์ในตัวบ้านนายดำก็สามารถฟ้องขับไล่นางแดงออกไปได้ครับ แต่ถ้าบ้านที่สร้างขึ้นนางแดงร่วมออกเงินด้วยบ้านก็จะกลายเป็นเจ้าของรวม(กรรมสิทธิ์คนละครึ่ง) นายดำก็ไม่มีสิทธิไล่นางแดงได้ เมื่อนางแดงได้ที่ดินมาจากแม่โดยการให้โดยเสน่ห์หาเช่นกัน แต่มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การให้นั้นจึงไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 525 คงมีเพียงแต่สิทธิเรียกร้องต่อแม่เท่านั้น หาได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นแต่อย่างใดไม่ ที่ดินของนายดำเมื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของนายดำแต่เพียงผู้เดียวก็ย่อมเป็นไปตามนั้น นางแดงหาเรียกร้องใด ๆ จากที่ดินแปลงนี้ได้ไม่ ส่วนที่ดินของนางแดงที่แม่ยกให้เมื่อมันไม่สมบูรณ์นางแดงก็ไม่มีกรรมสิทธิ์และเมื่อนางแดงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ดินจึงไม่ใช่สินสมรสเพราะไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรส นายดำและนางแดงจึงไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินแปลงนี้ นางแดงจึงมีเพียงสิทธิเรียกร้องให้แม่ทำเป็นหนังสือและไปจดทะเบียนการให้ที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้เท่านั้นครับ ปล...ขอบรรยายแบบคร่าว ๆ นะครับ ส่วนที่เหลืออยากให้ จขกท. ไปเรียบเรียงและเขียนใหม่ให้ดีกว่านี้ หากผิดพลาดประการใดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ให้ถือสะว่าเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2011-01-21 01:12:11 IP : 58.9.64.26 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1088265 |