ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์และยืนยันที่อยู่ตนเองได้ในขณะนั้น มันก็รับฟังได้ครับโดยเฉพาะหลักฐานภาพที่กล้องวงจรปิดที่ตู้ ATM บันทึกไว้ได้นั้นมันชี้ชัดอยู่แล้วครับ ส่วนใบเสร็จการซื้อของอาจจะไม่แน่ชัด ตราบใดที่พนักงานคิดเงินคนนั้นจำหน้าคนซื้อไม่ได้หรือกล้องวงจรปิดในร้านแห่งนั้น(ถ้ามี)บันทึกไว้ไม่ได้เพราะมันไม่ได้มีลายเซ็นหรือข้อบ่งชี้ว่าคุณเป็นคนซื้อด้วยตนเองจริง แต่ก็ใช้เป็นหลักฐานได้ในส่วนนึงเพียงแต่ต้องไปตรวจสอบอีกทีครับ ก็มอบให้ใครก็ได้ครับเพราะสุดท้ายแล้วมันก็ต้องไปอยู่ในมือของพนักงานสอบสวนอยู่ดีครับ

ถ้าเรามอบให้พนักงานสอบสวน เกิดมันหายไปก่อนที่จะขึ้นศาล จะมีผลต่อคดีมากไหมครับ หรือควรจะเก็บไว้ตอนขึ้นศาลเพื่อชี้แจงยืนยันสถานที่นะครับ แล้วถ้าหากเรากลัวอิทธิพล เราจะมีที่ไหนให้ร้องเรียนหรือเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนหรือเปล่าครับ (สมมุติเจตนาของเรื่องเป็นการยัดคดีนะครับ)

แม้จะเป็นการจับผิดตัว   แต่ตำรวจก็คงมีพยานหลักฐานที่พอเชื่อว่า  ผู้ต้องหานั้นได้กระทำความผิด จึงมีการออกหมายจับและสอบสวนและดำเนินคดี   ถ้าผู้ต้องหาสามารถมีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจนว่า   ตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ  ก็สามารถนำพยานหลักฐานเหล่านั้นมายืนยันต่อพนักงานสอบสวนได้   แต่พนักงานสอบสวนจะมีความเห็นอย่างไร  ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง    คือถ้าเขาไม่เชื่อก็คงมีความเห็นสั่งฟ้องและส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อส่งฟ้องต่อศาลต่อไป.....ปัญหาที่คุณวิตกกลัวหลักฐานจะสูญหาย    ในทางปฏิบัติก็นำเอกสารตัวจริงมายืนยันต่อพนักสอบสวน  และขอกลับคืนไปเก็บไว้  โดยส่งสำเนาเก็บไว้ในสำนวนก่อน   ถ้ามีการฟ้องศาลจึงนำเอกสารฉบับจริงไปอ้างอิงในศาลได้......   หรือถ้าตำรวจเขาไม่ยินยอมจะขอฉบับจริงไว้    คุณก็ถ่ายสำเนาไว้ก่อน  และทำใบรับหลักฐานไว้.....โดยระบุสถานที่   วันเดือนปี  เอกสารที่มอบว่ามีอะไรบ้าง   ชื่อผู้มอบและชื่อผู้รับมอบ   และให้ผู้รับมอบลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ     เมื่อคุณเก็บใบรับมอบเอกสารไว้   ถ้าพนักงานสอบสวนทำสูญหาย  ก็เป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบ.....เรื่องเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน  ถ้ามีเหตุผลเพียงพอก็สามารถร้องขอให้ผู้บังคับบัญชาเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนได้.....แต่คุณบอกว่าเป็นเรื่องสมมุติ  แต่ถามมาเหมือนเจอเข้าจริงๆ   ก็เป็นอย่างไหนกันแน่ครับ