กรณีนี้ ถือว่า ฝ่ายรถปิดอัพ เป็นฝ่ายประมาท ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา....ทางแพ่งต้องชดใช้ค่าเสียหาย ตาม ปพพ.ม.420 ม.443 ม.444 และ ม.445 คือ ค่าซ่อมรถและอื่นๆที่จำเป็น ถ้าไม่ตายในทันที ค่าสินไหมฯได้แก่ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์ที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้....กรณีตายลง ถ้าทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ก็เรียกค่าสินไหมฯได้ เช่น ถ้าพ่อเสียชีวิต ลูกย่อมขาดผู้อุปการะ ถ้าบุตรอายุ 10 ปี ถ้าคิดคำนวณต้องได้รับค่าอุปการะ เดือนละ 5 พันบาท จนถึง อายุ 20 ปีก็รวมเวลาขาดอุปการะ 10 ปี ก็คิดเป็นเงิน 5,000 คูณ 12 คูณ 10 ก็เป็นเงิน 6 แสนบาทเป็นต้น.....ถ้าการตายทำให้ขาดแรงงานในครัวเรือน ก็เรียกค่าสินไหมฯในส่วนนี้ได้... ทางอาญา เป็นการประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ตาม ปอ ม.291 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และประมาททำให้ผู้อื่นสาหัส ตาม ปอ. ม.300 มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี เมื่ออัยการ ฟ้องคนขับปิคอัพ ในความผิด ตาม ปอ. ม.291 และ ม.300 ผู้เสียหายก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมฯแก่ตนได้ โดยไม่ต้องไปฟ้อง เป็นคดีใหม่ต่างหาก....แต่....ถ้าอัยการ ยังไม่ฟ้องคดีอาญา ภายในหนึ่ง นับแต่วันเกิดเหตุ ควรฟ้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเอาเอง เพราะคดีจะขาดอายุความการเรียกร้องทางแพ่งได้ ข้อคิด แม้ตามกฎหมาย จะสามารถเรียกร้อค่าเสียหายได้สูงพอสมควร แต่.. ถ้าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอะไร ที่จะมาชดใช้ได้ ก็คงต้องยอมรับสภาพครับ |