ReadyPlanet.com


ศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้อง ขอคำแนะนำช่วยเหลือด้วยครับ


คำสั่ง

 

 

 

(. ๒๑)

 

 

                                                                             คำร้องที่      ๑๓๘/๒๕

                                                                                                 คำสั่งที่     ๒๖๘/๒๕๕๓

ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์

                           ศาลปกครองสูงสุด

                                                                      วันที่    ๑๙ เดือน กรกฎาคม  พุทธศักราช ๒๕๕๓

 

ผู้ฟ้องคดี

 

 

เรืออากาศโท ศุภรเชฐ์  รัเต๋

                                                                                                               

 

 

 

ระหว่าง

 

 

 

กองทัพอากาศ

                                                 

                                    

 

 

ผู้ถูกฟ้องคดี

 

 

 

 

เรื่อง  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
        (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา)

 

                            ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ในคดีหมายเลขดำที่ ๕๕๑/๒๕๕๒
หมายเลขแดงที่ ๓๕๐/๒๕๕๒ ของศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองเชียงใหม่)                            

 

/ให้ระงับ...

                            คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า  เดิมผู้ฟ้องคดีรับราชการทหาร แต่ถูกผู้บังคับบัญชาปลดออกจากประจำการ ฐานไม่ประพฤติตนตามระเบียบวินัยทหาร และปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา โดยมีสิทธิรับเบี้ยหวัด ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นเรื่องขอความ
เป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการฯ มีมติให้
ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีได้เป็นกรณีพิเศษเพื่อมนุษยธรรม ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ ติดตามเรื่องขอกลับเข้ารับราชการทหาร เจ้ากรมจเรทหารอากาศมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แจ้งว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศ
ให้ระงับการบรรจุผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการในกองทัพอากาศ เนื่องจากขัดต่อหลักเกณฑ์
การบรรจุเข้ารับราชการ และเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นที่ได้รับ
การปลดออกจากราชการไปแล้ว โดยมิได้ไต่สวนหรือซักถามความคิดเห็นของผู้ฟ้องคดี
อีกทั้งยังดำเนินการล่าช้า ทำให้ผู้ฟ้องคดีเสียสิทธิอันพึงมีพึงได้ จึงนำคดีมาฟ้องต่อ
ศาลปกครอง

                            ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งบรรจุผู้ฟ้องคดี
กลับเข้ารับราชการในกองทัพอากาศและคืนสิทธิต่างๆ ให้แก่ผู้ฟ้องคดี

 

/ผู้ฟ้องคดี

                            ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า  ในการฟ้องคดีปกครองนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีปกครองต่อศาลตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ นอกจากจะต้องเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องจากการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกรณีอื่นใด
ที่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองตามมาตรา ๙ และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ต้องมีคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา ๗๒ และมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติว่า ในการพิพากษาคดี ศาลปกครอง
มีอำนาจกำหนดคำบังคับให้เพิกถอนกฎหรือคำสั่ง หรือสั่งห้ามการกระทำทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีที่มีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ
โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิเสธไม่รับผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการทหารในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีโดยไม่ชอบ จึงเป็นการฟ้องว่าผู้ถูกฟ้องคดีออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่โดยที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลออกคำบังคับให้
ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ ซึ่งเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจอก
คำบังคับได้เพราะการบรรจุและแต่งตั้งให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งเป็นอำนาจดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายบริหารที่ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้  ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อ
ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ศาลปกครองชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

 

/สาระสำคัญ

                            ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา  ความว่า กรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งให้ระงับการบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในต้นสังกัด เชื่อว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ (โดยมิได้ไต่สวนหรือซักถามความคิดเห็นของผู้ฟ้องคดี) ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ อีกทั้งยังดำเนินการล่าช้าเกินสมควร ทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องเสียสิทธิต่างๆ ซึ่งตรงตาวัตถุประสงค์ของบุคคลผู้ก่อเหตุกับพวกที่พยายามเป็นอุปสรรคคอยขจัดขัดขวางเส้นทางอันถูกต้อง
และชอบธรรมของผู้ฟ้องคดี จึงหาใช่วิสัยของผู้บังคับบัญชาที่มีวิจารณญาณอันดีมีเมตตาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาแห่งตนไม่ เมื่อผู้ฟ้องคดีได้พิจารณาผนวกกับหนังสือแจ้งคำสั่งศาลแล้ว
ก็มีเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ดังนี้  ๑. การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาว่า คำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดี
มีคำสั่งบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ ซึ่งเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจออกคำบังคับได้
เพราะการบรรจุและแต่งตั้งให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งเป็นอำนาจดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายบริหารที่ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดียังไม่ได้รับเรื่องที่รัฐสภามีหนังสือสั่งการให้ผู้ถูกฟ้องคดีรับผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการหากแต่รับเรื่องแล้วมีหนังสือแจ้งผู้ฟ้องคดีทันทีว่าไม่มีกฎหมายกำหนดให้มีการกลับเข้ารับราชการได้ ทั้งๆ ที่ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ อีกทั้งกรณีของผู้ฟ้องคดีนี้เป็นการถูกกลั่นแกล้งในการปฏิบัติหน้าที่จากผู้บังคับบัญชา
อย่างหนักและต่อเนื่อง จึงขอความเป็นธรรมจากผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่งรับผู้ฟ้องคดีให้กลับเข้ารับราชการต่อไป ขอให้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ให้รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณาต่อไป เพื่อประโยชน์ในการเรียกร้องความเป็นธรรมของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีไม่มีหนทางใดที่จะขอความเป็นธรรมได้ จึงขอให้ศาลปกครองสงสุดได้ให้โอกาสผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการเพื่อจะได้รับใช้ประเทศชาติต่อไป  ๒. จากพฤติการณ์ทั้งหมดที่ได้ดำเนินการมา เป็นภารกิจที่หนักหน่วงและยากยิ่งกับการยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่
ในท่ามกลางอำนาจอิทธิพลอันล้นเหลือ ที่ใครๆ ก็ขยาดหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะให้ความช่วยเหลือ จากข้อเท็จจริงผู้ฟ้องคดีเห็นว่ามติของคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่ให้
ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการเป็นที่ยอมรับของฝ่ายนิติบัญญัติมาแล้ว ถึงแม้ว่าฝ่ายบริหาร กล่าวคือ กองทัพอากาศ (ผู้ถูกฟ้องคดี) ยังปฏิเสธอันมีเลศนัยโดยไม่แสดงความรับผิดชอบใด ให้ปรากฏเพื่อความแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น ผู้ฟ้องคดีขอส่งมอบเอกสารหลักฐานการโต้ตอบอันมีสาระสำคัญตามหนังสือด่วนของผู้ฟ้องคดี กราบเรียนประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๒ หน้า เพื่อให้ศาลพิจารณาด้วย  ๓. จากการปฏิเสธของกองทัพอากาศ (ผู้ถูกฟ้องคดี) ดังกล่าว
ผู้ฟ้องคดีอยากเห็นผู้มีอำนาจหน้าที่สูงสุดทั้ง ๓ ฝ่าย กล่าวคือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยการสอดประสานร่วมมือกันเข้าคลีคลายอุปสรรคปัญหา
ที่ผู้ฟ้องคดีได้ทนทุกข์มาอย่างหนักถึง ๒๐ ปี ให้พลันเป็นบำเหน็จรางวัลอันชอบด้วยเหตุ
และผล เพื่อส่งเสริมคนกล้าให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถไปในทิศทางที่ถูกที่ควรอย่างทันโลก ทันคน ทันเหตุการณ์ อันจักผลดีต่อสังคมประเทศชาติให้เจริญวัฒนาถาวรสืบไป  ด้วยเหตุผลจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตลอดจนพฤติการณ์ของผู้ถูกฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้
ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีเพื่อพิจารณาพิพากษา หรือออกคำบังคับให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี และให้ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติโดยด่วนที่สุดด้วย

 

 

/กำหนดให้

                            ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดว่า ศาลปกครอง
มีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้  (๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใด เนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น
หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ  (๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (๓) คดีพิพาทเกี่ยวกับ
การกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น
หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร  (๔) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง  (๕) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด  (๖) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง  เรื่องดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง 
(๑) การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร  (๒) การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการ
ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ  (๓) คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลล้มละลาย หรือศาลชำนัญพิเศษอื่น  คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า  ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่งให้
ผู้ฟ้องคดีปลดจากประจำการ ฐานไม่ประพฤติตนตามระเบียบวินัยทหาร และปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร ุทธศักราช ๒๔๗๖ ผู้ฟ้องคดีจึงได้นำคำสั่งที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือ
ที่ ๒๕๕๘/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๑ แจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ฟ้องคดีว่า คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการที่กองทัพอากาศได้เป็นกรณีพิเศษเพื่อมนุษยธรรม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่ากรมจเรทหารอากาศได้มีหนังสือ ที่ กห ๐๖๑๒.๗/๒๕ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แจ้งผู้ฟ้องคดีถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษเพื่อมนุษยธรรมว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศเห็นควรระงับการบรรจุผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการในกองทัพอากาศ เนื่องจากขัดต่อหลักเกณฑ์
การบรรจุเข้ารับราชการ ตลอดจนเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นที่ได้รับการปลดออกจากราชการไปแล้ว ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีระงับการบรรจุผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการและคืนสิทธิต่างๆ ให้แก่
ผู้ฟ้องคดี ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและคำขอของผู้ฟ้องคดี
ในคดีนี้แล้ว โดยคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการและคืนสิทธิต่างๆ ให้แก่ผู้ฟ้องคดีนั้น คำขอของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นผลมาจากคำสั่งให้ปลดจากประจำการ อันเนื่องมาจากการดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖ อีกทั้งการที่ผู้ถูกฟ้องคดี

/ตามระเบียบ

ระงับการบรรจุผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในกองทัพอากาศนั้น เป็นกรณีที่ดำเนินการ
ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ. ๒๕๒๙ กรณีพิพาทนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะพิจารณาพิพากษาหรือ
มีคำสั่งได้ ตามมาตรา ๙ วรรคสอง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีจึงฟังไม่ขึ้น  ดังนั้น ศาลปกครอง
จึงไม่อาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งได้แต่อย่างใด การที่
ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจาก
สารบบความนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยในผล

                            จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น

                           

นายมนู  ปุกริยากร                                                    ตุลาการเจ้าของสำนวน

ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

 

นายวิชัย  ชื่นชมพูนุท

ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด

 

นายวราวุธ  ศิริยุทธ์วัฒนา

ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

 

นายสมชาย  งามวงศ์ชน

ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

 

นายสุชาติ  มงคลเลิศลพ

 

วันที่อ่าน ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓

หฤทัย : ผู้พิมพ์

ตุลาการศาลปกครองสูงสุด



ผู้ตั้งกระทู้ nakballlnw (nakballlnw-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-04 15:17:34 IP : 192.168.0.5


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3236000)

คำสั่งของศาลปกครองสูงสุด  ที่ท่านยกมา   ได้บอกเหตุผลไว้ชัดเจนแล้วว่า  ทำไมจึงไมรับคำฟ้อง  ที่นี่จึงไม่อาจเอื้อมที่จะไปแสดงความเห็นอะไรได้  ขอแนะนำให้ท่านขอคำปรึกษานักกฎหมายมือหนึ่งของเมืองไทย บางทีท่านอาจมีทางออกที่ช่วยท่านได้  คือ  www.meechaithailand.com

ผู้แสดงความคิดเห็น sa วันที่ตอบ 2011-02-04 15:50:42 IP : 125.26.108.116



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.