ReadyPlanet.com


รบกวนปรึกษาเรื่องการยืมเงินและชำระหนี้ซึ่งตกลงกันไม่ได้ครับ (ผมเป็นลูกหนี้นะครับ)


รบกวนปรึกษาเรื่องการยืมเงินและชำระหนี้ซึ่งตกลงกันไม่ได้ครับ (ผมเป็นลูกหนี้นะครับเรื่องราวมีดังนี้ครับ

ผมคบกับแฟนเก่ามาได้ 9เดือนเศษครับ ซึ่งหลังจากคบกันมาประมาณ 2-3 เดือนผมก็ให้แฟนย้ายจากหอมาอยู่ที่บ้านผมเพื่อลดค่าใช้จ่ายเพรา่เช่าไว้ไม่ เคยได้อยู่ เป็นเวลาประมาณ 6 เดือนครับ ตั้งแต่แรกๆที่คบกันเนื่องแฟนเก่าผมได้รับเงินผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องนัก จากการทำงาน รวมทั้งสิ้น ประมาณ 250,000 บาท และเนื่องจากเงินดังกล่าวได้มาแบบฟลุคๆตอนนั้นรักกัน อยากทำไรเดือดร้อนอะไร แฟนผมก็หยิบยื่นให้ชวนไปเที่ยวต่างประเทศ ปากก็บอกว่าเราอยู่ด้วยกันเงินเค้าก็เหมือนเงินผม  แต่ผมเองนิสัยส่วนตัวไม่ชอบเอาเปรียบใคร ในบางครั้งไปไหนทำอะไรใช้จ่ายด้วยกัน ผมมจะบอกว่าส่วนนี้ถือว่าผมยืมแล้วกัน ซึ่งในระหว่างนั้นผม ยอมรับว่าอีกส่วนผมก็ยืมเงินแฟนมาใช้จ่ายส่วนตัวจริงส่วนหนึ่ง ครับ ซึ่งต่อมาเมื่อคบกันได้ 6 ประมาณเดือนเริ่มมีปัญหากัน และ แฟนผมเริ่มใช้เรื่องเงินมาเป็นประเด็นในการทะเลาะกันครับ จนเราตกลงกันว่าเอาแบบนี้เดี๋ยวผมจะคืนให้เดือนละ 5000 ไปเรื่อยๆแล้วกัน แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเค้าจะเอาเรื่องนี้มาขูว่าจะเอาเงืินคืนทั้งก่อนไม่งั้นจะเอาไปประจานที่ทำงานว่าผมเกาะผู้หญิงกิน

แต่เราก็ดีๆๆเลิกๆๆกันมาตลอด จนมาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาเรา ทะเลาะกันแรงและทุกครั้งแฟนผมจะทำร้ายร่างกายทั้งตบทั้ง ถึบจนร่ายกายผมมีแผลเต็มไปหมด เค้าโทรมาด่าแม่ผม ไปพอพ่อผมซึ่งจะให้พ่อผมเซ็นรับทราบหนี้และขู่ว่าจะประจารณ์ และเอาตำรวจมาจับ พ่อแม่ผมท่านบอกว่าเวลามีความสุขไม่เห็นมาบอกเวลาแบบนี้จะมาให้เซ็นสัญญา โตแล้วตกลงกันเองเถอะ ซึ่งเค้าโกรธมาก ที่ผ่านมาแฟนผมเปลี่ยนไปมาก อารมรุนแรงทำร้ายร่างกายผมทำได้แค่จับเค้าให้หยุด หรือหนีไปถึงขนาดจะเอามีดไล่แทงกันเลย สำหรับคำถามที่อยากปรึกษามีดังนี้ครับ

1. แฟนผมเค้าบอกว่าผมเป็นหนี้เค้าอยู่ 220,000 บาท นั่นหมายถึงทุกบาททุกสตางค์ตั้งแต่คบกันมา ทั้งที่ไปเที่ยว ซ่อมรถ ซ่อมคอม และอื่นๆ สำหรับผมมองว่าเค้าก็อยู่บ้านเรายังไงก็อยูด้วยกันใช้ด้วยกันคงไม่เป็นไรดัง นั้นเงินดังกล่าวความจริงแบ่งเป็น3 ส่วนด้วยกัน

          1.1 .เงินที่ผมได้ยืมแฟนมาจริงและใช้ส่วนตัว ประมาณ 100,000

          1.2 .เงินที่ใช้ไปกับทรัพสินของผม แต่ใช้ร่วมกันโดยที่แฟนผมเป็นคนเสนอให้เช่น ซ่อมรถ ซ่อมคอม อะไรประมาณนี้ (ส่วนตัวผมมองว่าเป็นส่วนที่ผมควรรับผิดชอบในที่เป็นการใช้กับของหรือบ้านผม)

          1. 3. ส่วนที่ใช้ไปกินเที่ยวอะไรต่างๆขณะคบกันซิ่งแฟนผมอ้างว่าจดทุกบาทซึ่งผมทราบว่าบางส่วนก็ไม่ใช่แต่เพราะความโมโห

ผม เองไม่ได้หนีไปไหนและยินดีจะรับผิดชอบ โดยที่ผ่านมา3 เดือนผม ใช้คืนไปทั้งสิ้นประมาณ 54,000 สิ่งที่ตกลงกันไม่ได้คือเค้าจะให้ผมทำสัญญาเงินก็ด้วยยอดทั้งหมดซึ่งผมเอง รับได้แค่จำนวนที่ผมยืมมาใช้ส่วนตัวเท่านั้น แตเค้าไม่ยอมใช้วิธีต่างๆๆนาๆ ทั้งๆที่ทุกวันนี้ก็ยังพบกันไปไหนด้วยกันไปค้างด้วยกันอยู่เวลาเค้าอารมณ์ดีๆ

2.    เค้าเอา email ผมซึ่งเค้ามีpassward ส่งเมลไปเป็นร้อย ว่าผมเป็น 18 มงกุฏ โกงเงินแล้วหนีเจ้าทุกเป็น ร้อย ซึ่งส่งไปถึงที่ทำงานเก่าและอื่นๆๆมากมายทำให้ผมอับอาย ทั้งที่ผใมก็จ่ายคืนเค้าตรงที่พูดไว้ทุกอย่าง  --> อันนี้สามารถฟ้องได้หรือไม่อย่างไรครับ

3.  เค้าทำร้ายร่างกายผมทุกครั้งที่ไม่พอใจและขู่ว่าจะไปประจารณ์ที่ทำงานผม และคุณพ่อ   -> ถ้าเค้าทำร้ายร่างกายอีกผมฟ้องได้หรือไม่ครับเค้าทำในรถไม่มีพยาน แต่เค้าเองไม่เคยปฎิเสทว่าไม่ได้ทำนะครับ

4.   ช่วงที่ทะเลาะกันเจ้าถีบประตูรถผมบุบยับ และ ทำกระจกบานใหญ่ที่บ้านผมแตกซึ่งราคาบานละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่น ซื่งเค้ายอมรับแต่บอกว่าเกิดจากเราทะเลาะกัน ->ข้อนี้ตามกฎหมายตัดสินอย่างไรครับ


5.  เค้าขู่ว่าจะไปฟ้องว่าผมเอาเค้ามาอยู่แล้วไม่เลี้ยงดู -> ข้อนี้ฟ้องได้หรือไม่ครับ


6.  ค้าจะเอาหลักฐานที่คุยกันในmsn และ ที่เค้าโอนเงินมาให้ไปฟ้องและแจ่้งความซึ่งผมไม่เคยปฎิเสท ว่าไม่ได้ยืมหรือหนีไปไหนและคืนเค้าตามที่รับปากมา 3 เดือนแล้ว  -> ข้อนี้ฟ้องได้หรือไม่ครับ


7  ที่ผมต้องการคือยินดีใช้เงินที่ยืมเดือนละ 10,000 บาทและยินดีทำสัญญาแต่ตามยอด ข้อ 1 สำหรับข้อ 2-3  หาร ครึ่ง (ใจจริงไม่ได้อยากจะหารนะครับแต่ที่เค้าทำมันรุนแรงต่อผมมากจึงคิดว่าควรจะแฟรๆๆครับ ) โดยหักค่าซ่อมประตูรถ และกระจกที่บ้าน แค่เค้าไม่ยอมครับ---> จะจัดการอย่างไรดีครับตามกฎหมาย


 ขอคุณล่วงหน้าครับผมๆจะรอฟังคำปรึกษานะครับร้อนใจมากๆๆครับ

   



ผู้ตั้งกระทู้ pleasehelpme :: วันที่ลงประกาศ 2010-12-02 23:27:16 IP : 124.120.143.165


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3227209)

2. ฟ้องได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญาครับ ทางแพ่งคือเป็นการไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น ฉนั้นคุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ครับ ส่วนในทางอาญาถือเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทครับ

3. ฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายได้ครับแม้ไม่มีพยานแต่บาดแผลหรือรอยแผลต่าง ๆ ถือเป็นหลักฐานที่สามารถนำสืบไปได้ครับ

4. ก็ฟ้องได้ครับ ทางแพ่งถือเป็นการทำละเมิดสามารถเรียกค่าเสียหายได้ครับ ในทางอาญาก็อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ครับ

5. อายุเกิน 20 บรรลุนิติภาวะแล้วครับ คงไม่ต้องเลี้ยงดูแล้วมั้งครับ แต่ถ้าหากจะฟ้องหย่าก็คงทำไม่ได้อีกเพราะตามข้อเท็จจริงมิได้ปรากฏว่าจดทะเบียนสมรสกัน ถ้าเขาอยากฟ้องก็ลองให้เขาไปฟ้องดูครับ

6. การกู้ยืมเงิน ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ฉนั้นข้อความใน MSN นั้นหาใช่แบบตามที่กฏมายกำหนดไม่ จึงไม่มีผลบังคับใช้ได้ตามกฏหมายครับ คงเป็นเพียงการสนทนาโต้ตอบกันในส่วนของการยืมเงินเท่านั้น หาใช่หลักฐานการโอนเงินจริง ๆ กันแต่อย่างใดไม่ ถึงจะเป็นสลิปการโอนเงินก็หาใช่หลักฐานที่จะบ่งบอกว่าคุณได้กู้ยืมเงินเขาไปจริงครับ

7. คำตอบด้านบนทั้งหมดเป็นเพียงคำตอบของในแง่ของกฏหมาย แม้ว่าคุณจะมิได้ทำสัญญากู้ยืมเงินซึ่งแฟนคุณจะไม่สามารถไปฟ้องร้องได้นั้น แต่ผมก็มิได้แนะนำว่าไม่ต้องคืนเขาแต่อย่างใด หากว่าคุณมีความประสงค์จะคืนเงินแล้วด็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและน่ายกย่องครับ ฉนั้นก็ควรจะตกลงด้วยเหตุและผลให้เข้าใจและรับได้กันทั้งสองฝ่าย แบบแฟร์ ๆ ถือว่าดีที่สุดครับ แต่ถ้าหากอีกฝ่ายยังดื้อแพ่งไม่ยอมโดยไร้เหตุและผลก็ปล่อยให้เขาไปฟ้องเอาเถอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะยอมรับในความถูกต้องนั้นเองเพราะถ้าเขาไม่เอาตรงนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรเลยครับ(เพราะฟ้องไม่ได้นั่นเอง) ผมคงแนะนำได้เท่านี้ครับ แต่ผมก็หวังว่าจะตกลงกันได้ด้วยดีนะครับเพราะอย่างน้อยก็เคยคบหาเป็นแฟนกันมาก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-03 01:22:02 IP : 58.9.147.206


ความคิดเห็นที่ 2 (3227216)

เรียนคุณ pup ครับ

ผมต้องขอขอบคุณอยากมากเลยนะครับสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ เนื่องจากผมเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่และกำลังไปได้ดีมากๆ และไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องงานต้องมีปัญหาครับ ผมรบกวนถามคุณpup และผู้รุิ้ท่านอื่นอีกซักนิดครับ

- สำหรับหลักฐานที่เค้ามีคือ สลิปเงินโอนและ statement bank ซึ่งโอนมาจริงครับและผมไม่ได้ปฎิเสธแต่อย่างได้เพรราะมันเป(็นจำนวนน้อยกว่าที่ผมควรจะรับผิดชอบมาก และเค้าทราบว่าผมรักเค้ามาก เค้าโทรมาอัดเสียงและพยายามหว่านล้อมจะให้ผมรับจำนวนหนี้ดังกล่าวแต่ผมรู้อยู้และผมก็ได้พูดออกมาเลยว่าผมเป็นหนี้เค้าจริงและจะรับผิดชอบ แต่จำนวนไม่ใช่อย่างที่เค้าต้องการผมจะรับผิดชอบเท่าที่ผมยืมมาใช้ส่วนตัวทั้งหทมดและส่วนที่2-3 ถ้าเอามาหารครึ่งกันผมยินดีรับผิดชอบแต่เค้าไม่ยอม แแบบนีจะมีผลเสียอะไรหรือไม่ครับ

- เค้ามาขู่ว่าถ้าผมไม่ยอมเซ็น จะเอาหลักฐานทั้งหมดและขายหนี้ให้ผู้มีอิทธิพลรับจ้าทวงหนี้ ซึ่งในทางกฎหมายผมทราบว่าคงทำไม่ได้แต่ในความเป็นจริง มันอาจสร้างความวุ่นวายในชีวิตให้ผมไม่จบ มีวิธีการใดทางกฎหมายที่จะทำให้เค้าหยุดทำการการทำที่เป็นการทำที่เป็นอยู่นี่ได้บ้างมั้ยครับเพางไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ ราะผมทราบว่าเค้าขาดสติและทำไเ้ทุกอย่างไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ก็ตามครับ

 

ขอบคุณมากๆครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น easehelpme วันที่ตอบ 2010-12-03 04:39:34 IP : 124.120.143.165


ความคิดเห็นที่ 3 (3227256)

ตามหลักกฎหมายการกู้ยืมเงินเกินกว่า 20,000 บาทต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญมิฉะนั้นจะฟ้องบังคับคดีกันหาได้ไม่ หลักฐานเป็นหนังสือนั้นแตกต่างจากการทำเป็นหนังสือ-หลักฐานเป็นหนังสือนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเพียงแต่ขอให้มีลายมือชื่อผู้กู้คนเดียวและมีเนื้อความพอฟังได้ว่ามีการกู้เงินกันจริง ๆ ก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำสัญญากู้ เช่น อาจจะอยู่ในรูปแบบจดหมายก็ได้ การที่เขาแอบอัดเสียงคุณทางโทรศัพท์ไม่น่าจะใช้เป็นพยานหลักฐานยันคุณในศาลได้เพราะตามหลักกฏหมายลักษณะพยาน หลักฐานใดก็ตามที่เกิดโดยมิชอบด้วยกฏหมาย ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ดังนั้น การที่เขาแอบอัดเสียงคุณเวลาพูดนั้นอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวต้องตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพยานหลักฐานชิ้นนี้จึงเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยมิชอบด้วยกฏหมายรัฐธรรมนูญ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ครับ

ในทางความเป็นจริงคงไม่มีใครมายอมรับมูลหนี้แทนคนอื่นให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลามาตามทวงหนี้หรอกครับ เพราะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำตรงนั้นเลย ผมว่าเขากำลังขาดสติอย่างยิ่งจนทำถึงขนาดจนทำอะไรก็ได้เพื่อให้เงินตัวเองกลับคืนมาให้ได้มากหรือใกล้เคียงที่สุดในจำนวน 250,000 ตามที่เขาเคยมี โดยที่มิได้คำนึงเลยว่าหลักความเป็นจริงแล้ว เงินในส่วนที่เขาใช้ไปร่วมกันไม่ว่าจะในทางใช้จ่ายในครอบครัว การกินอยู่ หรือการใช้จ่ายส่วนตัวในความสุขของชีวิต นั้นถือเป็นหุ้นส่วนของชีวิตคู่และเป็นการให้โดยเต็มใจหรือให้โดยเสน่หานั่นเอง ซึ่งจะมาเรียกร้องกันคืนทีหลังแบบนี้ผมว่ามันก็ไม่ถูกต้องนัก เว้นเสียแต่เงินในส่วนที่คุณยืมไปอันนั้นก็อีกเรื่องนึง ฉนั้นการที่คุณยอมชดใช้คืนเงินให้รวมถึงเงินส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันมาโดยขอหารครึ่งผมว่าก็แฟร์ดีแล้วนะครับ ฉนั้นหากตกลงกันไม่ได้จริง ๆ และถ้าเขาทำอะไรลงไปหากไปละเมิดสิทธิของคุณ คุณก็สามารถใช้สิทธินั้นตามกฏหมายตอบโต้ไปเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองได้เสมอครับ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยและเขายังขาดสติอยู่แบบนี้ก็อาจจะบั่นทอนการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของคุณได้  

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-03 13:26:38 IP : 115.87.170.176


ความคิดเห็นที่ 4 (3227262)

ขอบคุณอย่างยิ่งเลยครับผมสบายใจขึ้นมากและยังคงยืนยันจะให้หนี้ที่ยืมโดยไม่ใช้ข้อกฎหมายมาอ้าง

แต่สำหรับการบั่นทอนนั้นมันมากจริงๆๆครับ ตอนนี้เค้าใช้อีเมลเก่าของผมขึ้นชื่อนามสกุลจิงบอกไปทั่วว่าเป็นเจ้าหนี้โดนผม หลอกฟัน หอลกแ..ก ซึ่งในcontact  มีทั้งเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเด็กและคนอื่นๆๆที่สียชื่อเสียงของผมเท่านั้นผมรู้จัก เมื่อสักครู่โทรมาขู่ว่าถ้าไม่เซ็นสัญญา วันอังคารจะไปที่ ออฟฟิส ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่เค้าได้คือความวุ่นวายใจและความสะใจเท่านั้น ผมเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรเหมือนกันครับคงต้องรับสภาพไป

 

ปล. ผมลืมแจ้งคุณ pup ว่าเมื่อคืนผมได้ไปแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกายไว้เรียบร้อยแล้วครับ อยากปรึกษาว่างเรือง อีเมลและอื่นๆๆที่ทำให้ผมเสียชื่อเสียความเป็นสุข ควรแจ้งความไว้เป็นหลีกฐานด้วยหรือไม่ครับ

 

ขอบคุณมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น helpmeplease วันที่ตอบ 2010-12-03 13:43:49 IP : 58.8.15.39


ความคิดเห็นที่ 5 (3227365)

ผมคงตอบหรือฟันธงไม่ได้ครับว่าควรจะไปแจ้งหรือไม่ เพราะผมเป็นบุคคลภายนอก หากแต่เป็นดุลพินิจและการตัดสินใจของคุณเองมากว่าว่าควรจะทำอย่างไรดีเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวและคุณก็เคยเป็นแฟนกันมาก่อน(หรือจะลองปรึกษาพ่อ แม่ ผู้ใหญ่ หรือเพื่อน ๆ ดูหลาย ๆ ความเห็นก่อนก็ได้ครับ)  แต่ถ้าจะถามทางด้านกฏหมายก็บอกได้คำเดียวว่าการที่เขาทำให้เสียชื่อเสียงและรบกวนการใช้ชีวิตในอันที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขนั้นสามารถเอาผิดหรือฟ้องร้องได้แน่นอนครับ  ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณเองแล้วล่ะครับว่าควรทำอย่างไรกับปัญหาส่วนตัวนี้ดี แต่ถ้าถามความเห็นผม ณ เวลานี้มันพอจะเป็นไปได้ไหมครับที่จะเรียกแฟนเข้ามาเจรจาพูดคุยรวมทั้งบอกถึงข้อกฏหมายที่สามารถเอาผิดแฟนคุณได้ เพราะเขาอาจจะยังไม่รู้ก็เป็นได้ว่าการกระทำองเขานั้นมันร้ายแรงและผิดแค่ไหน ลองเตือนสติเขาด้วยความนุ่มนวลดูก่อนก็ได้ครับ เพราะหากเขาคิดหรือสำนึกได้เรื่องมันก็อาจจะจบลงแต่โดยดีก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว ผมว่าจะแจ้งหมิ่นประมาทเพิ่มไปอีกกระทงก็คงไม่เสียหายอะไรมากหรอกครับเพราะคดีนี้มันยอมความกันได้ครับ ขอให้โชคดีนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2010-12-04 00:51:46 IP : 58.9.151.250



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.