ReadyPlanet.com


การครอบครองสิทธิ นส.3


ขอความกรุณาปรึกษาปัญหาด่วนและอาจจะยาวไปนิดนึงนะค่ะ

ก๋ง ได้มอบที่ดิน นส.3 ก จำนวน 10 ไร่ ให้แม่และน้าด้วยวาจา (แต่ในเอกสาร นส.3 เป็นชื่อของยายกับน้า โดยยังไม่มีชื่อของแม่ใส่ลงไป) ก่อนที่ท่านจะเสียประมาณช่วงปี 2534 เป็นต้นมา ในช่วงนั้นน้าดิชั้นก็จะขายที่ในราคา 250,000 บาท แต่แม่ดิชั้นยังไม่มีเงินซื้อ ก๋งหรือยายของดิชั้นเนี่ยแหละค่ะจึงได้ซื้อคืนเป็นเงินจำนวน 70,000 บาท (ไม่มีเอกสารในการซื้อคืน แต่มีพยานคือพี่น้องของแม่ทุกคน) แต่น้าดิชั้นก็ไม่ยอมเอาชื่อออก ส่วนแม่ดิชั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรก็เข้าไปปลูกผลไม้ (ซึ่งยาย-น้าก็รับรู้) เช่น มังคุด เงาะและลองกอง โดยปลูกไปเป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เพราะแม่ก็ยังบอกว่าน้าก็ยังมีสิทธิในที่ดินผืนนี้ (แต่น้าไม่เคยขึ้นไปดูที่ดินเลยนะค่ะ) และแม่ก็ได้วางระบบน้ำเหวี่ยง ขอไฟฟ้าเข้ามาในบริเวณพื้นที่สวน สำหรับการยื่นเสียภาษีแม่หรือพี่ชายของดิชั้นจะเป็นผู้ไปยื่นฯมาตลอด โดย อบต.........จะออกใบเสร็จเป็นชื่อยายดิชั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแต่แม่ก็พยายามถามถึงเอกสาร นส.3 กับน้ามาโดยตลอด เพราะแม่อยากให้น้าจัดการแบ่งแยกให้เสร็จเรียบร้อย แต่น้าก็พูดบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด พร้อมกับบอกว่าหาเอกสารไม่เจอไม่รู้เก็บไว้ที่ไหน (ยายอยู่กับน้าค่ะ) จนวันนึงมีคนทางสวนโทรมาบอกกับแม่ว่า หลานของแม่ดิชั้น(สมมติว่าชื่อ นาง ก. นะค่ะ)ได้บอกกับคนแถวนั้นว่า เค๊าได้ซื้อที่ดินผืนนี้แล้วรอแต่เพียงแยกโฉนด ซึ่งแม่ดิชั้นก็งงมากว่าเกิดอะไรขึ้น แล้ว นาง ก. จะซื้อไปได้ยังไง เพราะแม่ดิชั้นก็ยังทำสวนผลไม้ในที่ดินผืนนี้อยู่ แม่จึงได้ไปถามน้า น้าก็เลยยอมรับกับแม่ว่า นาง ก. ได้ติดต่อซื้อที่ดินในราคา 1 ล้านบาทจริง แม่ก็เลยถามว่าในส่วนพื้นที่ๆดินของแม่หล่ะ น้าก็ย้อนกลับมาถามแม่ดิชั้นว่า ยายยกให้แม่ด้วยเหรอ แม่ดิชั้นก็เลยโมโหจึงบอกว่าทุกๆคนในบรรดาพี่น้อง เพื่อนบ้านสวนข้างเคียง ชาวบ้านบริเวณนั้น ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ก็รับรู้มาโดยตลอดว่าแม่ทำสวนอยู่ในที่ดินผืนนี้จริง ในขณะที่น้ากับแม่เถียงกันยายก็นั่งอยู่ด้วย ยายจึงบอกว่าถ้าหาโฉนดไม่เจอก็ไปแจ้งความกันและไปแยกเอกสารฯ ระหว่างน้ากับแม่ให้เรียบร้อย

จึงขอรบกวนถามว่า

1. แม่ดิชั้นสามารถพายายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจว่าเอกสาร นส.3 หายได้หรือไม่

   (แต่ดิชั้นก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเอกสารนี้อยู่ที่น้าหรือเปล่า และ/หรือ น้าจะเอาที่ดินไปจำนองหรือเปล่า)

2. ต่อจากข้อที่ 1 เมื่อได้ใบแจ้งความแล้วสามารถนำใบแจ้งความไปยื่นที่สำนักงานที่ดินเพื่อขอเอกสารสิทธิใหม่เลยได้หรือไม่

3. หากน้าเอาโฉนดที่ดินไปจำนองพร้อมกับจะขายที่ดินผืนนี้ แม่ดิชั้นจะมีสิทธิยื่นคัดค้านต่อศาลได้หรือไม่

4. แม่ดิชั้นสามารถยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อร้องขอเป็นเจ้าของสิทธิในที่ดินผืนนี้ได้เลยหรือไม่ เพราะเราก็ครอบครองที่ดินผืนนี้เป็นเวลามากกว่า 10 ปี อยู่แล้ว (จริงๆแล้วไม่อยากใช้วิธีนี้เลย เพราะเหมือนเป็นการโกงที่ดิน แต่เค๊ากับมาทำกับเราแบบนี้ก่อน)

5. ถ้าหากต้องยื่นเรื่องต่อศาล ก็ขอความกรุณาแนะนำในแต่ละขั้นตอนด้วยนะค่ะ

                ขอความกรุณาให้คำแนะนำด้วยนะค่ะ เพราะเราก็ไม่อยากมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลและสงสารยายด้วยค่ะ ซึ่งแม่ก็ได้คุยกับน้าแล้วว่าถ้าน้าจะขายในที่ดินส่วนของเค๊าแม่ก็จะซื้อไว้ในราคา 5 แสนบาท ตอนนี้เราก็เลยดูท่าทีของเขาเหมือนกันค่ะว่าเขาจะทำยังไง



ผู้ตั้งกระทู้ thungao111 :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-19 16:50:10 IP : 180.180.233.77


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3237757)

ถ้าที่ดินมีเอกสารสิทธิ เป็น  นส.3  ในเมื่อคุณแม่ของคุณครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของ  คุณแม่ของคุณย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่น    แต่ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ  น้ามีชื่อใน  นส.3   อาจแอบไปขอออกโฉนดเงียบๆ   ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง   เขาย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน  ที่สามารถนำไปขายหรือจำนอง   ได้เสมอ......   ถ้านับแต่วันที่เขาออกโฉนดที่ดิน  คุณแม่ของคุณยังครอบครองที่ดินในฐานะเป็นเจ้าของ  เป็นเวลา สิบปี   คุณแม่ของคุณก็สามารถยกเรื่องการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้เพื่อให้เปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ จากน้า  เป็นชื่อคุณแม่ของคุณได้   แต่ต้องใช้สิทธิทางศาล.....ก่อนอื่นขอแนะนำให้คุณหรือคุณแม่ของคุณไปขอตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินว่า  ที่ดินที่คุณแม่ของคุณครอบครองอยู่  ในปัจจุบันมีเอกสารสิทธิ์เป็นอะไร   ยังเป็น  นส.3  เช่นเดิมหรือได้ออกเป็นโฉนดที่ดินแล้ว  ควรขอสำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดินของคนข้างเดียวไปด้วย  เพื่อสะดวกในการค้นหาในระวางแผนที่  ถ้าไม่มีทีดินข้างเคียงอ้างอิงคงค้นหาลำบาก.......ถ้าการตรวจสอบที่ดินยังเป็น  นส.3  เช่น เดิม  คุณแม่ของคุณย่อมได้เปรียบเต็มประตู   เพราะเป็นผู้ครอบครองทำกิน.....แต่ถ้าน้าได้ออกเป็นโนดที่ดินแล้ว   ถ้าออกโฉนดที่ดินมายังไม่ถึงสิบปี  อำนาจการครอบครองปรปักษ์ของคุณแม่ของคุณย่อมขาดตอน  คุณแม่คงอยู่ในฐานะลำบาก  คงต้องใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องว่าการออกโฉนดเป็นไปโดยมิชอบ    แต่คงเหนื่อยครับ........ถ้าการออกโฉนดที่ดินผ่านมาเกินสิบปีแล้ว   คุณแม่ของคุณย่อมอ้างการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้ได้   ถ้าเป็นเช่นกรณีนี้  คุณแม่ของคุณก็ย่อมได้เปรียบครับ  ดังนั้นควรรีบไปสำนักที่ดินเพื่อตรวจสอบโดยเร็ว.....

1-2.ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินก่อน   แล้วค่อยดำเนินการดังกล่าวข้างต้น

3. คัดค้านได้  แต่คงปรึกษาทนายความอีกทีครับ

4-5   ดูเหตุที่อธิบายข้างต้นครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น sa วันที่ตอบ 2011-02-20 10:46:13 IP : 118.172.12.32


ความคิดเห็นที่ 2 (3237759)

ขอบคุณมากๆนะค่ะ สำหรับคำตอบ ดิชั้นขอเรียนถามอีกสักนิดนึงได้ไม๊ค่ะ

1. ดิชั้นคิดว่าที่ดินผืนนี้ยังเป็น เอกสาร นส.3 ก อยู่ค่ะ (พรุ่งนี้จะรีบไปตรวจสอบที่ๆดินอำเภอโดยด่วนค่ะ) โดยเดิมชื่อใน นส.3 เป็นของยาย+น้า แต่กังวลอยู่ว่าเค๊าจะแอบเอาเอกสารการโอนฯ ให้ยายเซนต์โอนเป็นชื่อน้าแต่เพียงผู้เดียว ถ้ากรณีนี้แม่ดิชั้นจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และหากต้องยื่นคัดค้านต่อศาลต้องภายในระยะเวลากี่วันค่ะ

2. หากน้าได้โอนสิทธิ์ นส.3 ให้กับนาง ก. ไปแล้วดิชั้นจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างค่ะ

ขอบคุณมากๆนะค่ะ ตอนนี้สงสารแม่มากไม่อยากเห็นแม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้ เพราะครอบครัว/พี่น้อวแม่มีปัญหาเรื่องมรดกกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่ก๋งเสียชีวิต และแม่ก็โดนโกงที่ดินมาหลายแปลงแล้ว เค๊าเหมือนเห็นเราไม่มีทางสู้จนมาถึงที่ดินผืนนี้เค๊าก็ยงจะโกงอีก ทั้งๆที่เราไม่ได้มีเจตนาจะโกงใครเลย...

ผู้แสดงความคิดเห็น thungao111 (thungao111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-20 11:09:51 IP : 180.180.232.167


ความคิดเห็นที่ 3 (3237763)

1.  ก็ไปตรวจสอบดูก่อนเพื่อความแน่ใจ...    ถ้ายังเป็น นส.3  อยู่  คุณแม่ของคุณก็ได้เปรียบ.....เรื่องที่คุณกังวลก็มีทางเป็นไปได้    ก่อนอื่นไปตรวจสอบก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหากันต่อไป

2.ถ้าที่ดินยังเป็น  นส.3   และเขาโอนให้นาง  ก.   นาง ก. ย่อมไม่ได้สิทธิใดๆ   เพราะผู้รับโอน(นาง ก.)  ย่อมไม่สิทธิดีกว่าผู้โอน (น้า).....อธิบายย่อๆ คือ  น้า  ไม่มีสิทธิในที่ดิน   เพราะคุณแม่ของคุณครอบครองเกินหนึ่งปี  คุณแม่ของคุณย่อมมีสิทธิเหนือกว่า    เมื่อเขาโอนไป  ผู้รับโอนย่อมไม่ได้รับสิทธิใดๆเช่นกัน.....ถ้ามีการโอนไปจริง     คุณแม่ของคุณก็อ้างการครอบครองเกินหนึ่งปีขึ้นต่อสู้ได้

........เรื่องมรดก  เป็นปัญหาโลกแตก  ที่แก้กันไม่รู้จบ  มักมีปัญหากันแทบทุกครัวเรือน  คือเมื่อพ่อแม่ล้มหายตายจากไป  ลูกๆหลานๆมักแย่งชิงกันเสมอ   เพราะความโลภทำให้ความเป็นญาติแทบไม่มีความหมาย    โบราณท่านว่าไว้   พ่อแม่ทิ้งมรดกไว้ให้  ก็เสมือนทิ้งหอกทิ้งดาบไว้ให้ลูกหลานใช้ประหัตประหารกัน  ซึ่งก็เป็นความจริงที่ไม่มีใครกล้าเถียง.... ถ้ารู้จักปลงและปล่อยวางเสียบ้าง  ปัญหาต่างๆก็จะลดลงครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น sa วันที่ตอบ 2011-02-20 11:38:57 IP : 118.172.12.32


ความคิดเห็นที่ 4 (3237765)

ขอบคุณมากๆนะค่ะสำหรับทุกๆคำตอบ ทำให้แม่และตัวดิชั้นอุ่นใจไปได้บ้าง

จริงๆแหละค่ะว่า "เรื่องมรดก" เป็นปัญหาโลกแตก หากคนเรามีความโลภและไม่รู้จักคำว่าพอปัญหานี้ก็ต้องเกิดขึ้น

ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องมรดกเท่านั้น แต่จะเป็นกับทุกๆเรื่องที่ตนมีโอกาสหรือต้องการไขว่คว้าจะหาผลประโยชน์

สุดท้าย...ขอขอบคุณแทนอีกหลายๆคนที่ได้ใช้ www. นี้ในการปรึกษาปัญหาด้านกฎหมาย ทำให้เกิดข้อคิดดีๆ

อย่างน้อยพวกเขาเหล่าก็จะได้มีช่องทางในการแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

...ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ตอบและผู้เข้ามาอ่านทุกๆคนนะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น thungao111 (thungao111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-20 12:03:33 IP : 180.180.232.167



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.