เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ

บุคคลในหมู่บ้านไม่มีใครทราบว่าบ้านหลังนี้เป็นของสามีดิฉันค่ะ

หากมีการร้องขอการครอบครองปกปักษ์จากน้องสาวดิฉัน ดิฉันสามารถอ้างว่าเป็นทดแทนบุญคุณบุพการีของดิฉันได้ไหมคะ

ขอบคุณค่ะ

การจะครอบครองปรปักษ์ได้จะต้องเป็นการครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น และถ้าได้ครอบครองโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาจะเป็นเจ้าของ หากครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีกรรมสิทธิ์ก็จะตกแก่ผู้ครอบครองนั้น

จากข้อเท็จจริงนี้แฟนคุณได้ให้แม่และน้องสาวของคุณเข้ามาอาศัยอยู่ ซึ่งสิทธิการครอบครองของแม่และน้องสาวเป็นเพียงแต่สิทธิอาศัยเท่านั้นย่อมไม่มีการครอบครองปกปักษ์เข้ามาเกียวข้องแต่อย่างใด แต่ถ้าวันใดผู้อาศัยเปลี่ยนเจตนาที่จะอาศัยมาเป็นเจตนาที่จะยึดถือเพื่อตน สามีคุณก็สามารถใช้สิทธิแห่งแดนกรรมสิทธิ์โต้แย้งการครอบครองนั้นได้ภายใน 1 ปีครับ อีกอย่างถ้าจะครอบครองปกปักษ์ได้มันจะต้องครบองค์ประกอบทั้งหมดดังที่กล่าวไปและที่สำคัญมันต้องใช้เวลาถึง 10 จึงจะได้กรรมสิทธิ์(แต่จะต้องฟ้องภายใน 1 ปี) ดังนั้นถ้าผู้อาศัยเปลี่ยนเจตนาครอบครองโดยจะยึดถือเพื่อตนเมื่อไหร่สามีคุณก็ย่อมใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของโต้แย้งการครอบครองนั้นได้ตามกฏหมายครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวและที่สำคัญคนที่คุณกำลังวิตกนั้นคือน้องสาวแท้ ๆ และแม่ผู้บังเกิดเกล้าของคุณเอง ซึ่งผมเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเกิดราวหรือมีคดีต่อกันเพราะมันน่าจะไม่งามเท่าไหร่ หากลูกจะต้องฟ้องแม่ตนเอง ฉนั้นผมว่าเมื่อเป็นเรื่องภายในครอบครัวก็อย่าให้บานปลายควรพูดคุยกันด้วยดีจะดีกว่านะครับ

เบื้องต้น ควรให้น้องสาวของคุณ  ทำสัญญาเช่าไว้ก่อน   สัญญาไม่ต้องทำย้อนหลังก็ได้   ถ้าน้องสาวเขายินยอมทำสัญญาเช่ากับคุณ    แสดงว่าเขายอมรับสิทธิการเป็นเจ้าของของคุณและสามี   แต่ถ้าเขาไม่ยินยอมทำสัญญาเช่าด้วย  ต้องฟ้องขับไล่.....สิทธิการครอบครองปรปักษ์น่าจะยังไม่เกิด  เพราะเขาไม่ได้ครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของ   แต่ถ้าเขาคิดจะยึดเอาเป็นเจ้าของ   สิทธิการครอบครองปรปักษ์จะเริ่มนับอายุความไปเรื่อยๆจนถึง  10  ปี...ทางออกอีกทางหนึ่งคือ   การขายให้บุคคลภายนอกเพื่อตัดสิทธิครอบครองปรปักษ์    อย่างไรก็ตามถ้ามีคดีถึงศาล   ศาลก็คงให้มีการไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันก่อน  การที่เขาจะยึดทีดินไปในฐานะการครอบครองปรปักษ์  ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทำได้ง่ายดายนัก....