ReadyPlanet.com


ทำอย่างไรดี..หนี้นอกระบบ


หนี้

เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๐ นาง อ. ซึ่งมีอาชีพค้าขายในตลาด ได้ให้บุตรชาย ซึ่งมีอายุในขณะนั้น ๑๕ ปี และ กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ***้ยืมเงินจาก นาง ม. เป็นจำนวนเงิน ๑๓๖,๐๐๐ บาท โดยใช้ที่ดินจำนวน ๖ ไร่ มอบไว้กับนาง ม. เพื่อเป็นหลักค้ำประกัน และ มีนาง อ. เป็นผู้ค้ำประกัน สำหรับที่ดินดังกล่าวนี้ เป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรชายนาง อ. โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งที่นาง อ. ให้บุตรชายเป็นผู้***้ยืม เนื่องจาก นาง อ. ไม่มีทรัพย์ใดเลย เป็นหลักในการค้ำประกันเงิน***้นี้ ครั้นจะให้บุตรของนาง อ. ทำสัญญาใดๆ ด้วยที่ดินนี้ ก็อาจจะมิได้ เพราะนาง ม. และ นาง อ. คิดเอาว่าเจ้าของที่ดินยังเป็นผู้เยาว์อยู่

ทั้งนี้ได้ทำสัญญาการ***้ยืมไว้ โดยในรายละเอียดสรุปใจความว่า บุตรของนาง อ. ได้***้เงินจาก นาง ม.จำนวน ๑๓๖,๐๐๐ บาท โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยไว้ร้อยละ ๒ ต่อเดือน โดยมีนาง อ. เป็นผู้ค้ำประกัน และ บุตรชายของนาง อ. จะต้องจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยคืนเป็นรายเดือน กำหนดภายในระยะเวลาต่อจากนี้ ๑ ปี คือ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ จะต้องคืนเงินให้หมดสิ้น

ครั้นเมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนกระทั่งครบ ๑ ปีแล้ว นาง อ. มิเคยได้จ่ายคืนเงินต่อ นาง ม. เลยทั้งต้นและดอกเบี้ย นาง ม. จึงแจ้งเตือนมาเป็นระยะๆ

จนกระทั่ง เวลาผ่านล่วงเลยมากระทั่งถึง ๖ ปี คือ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ นาง ม. จึงได้ให้ทนายความส่วนตัว ทำหนังสือแจ้งเตือน ให้ชำระนี้คืน โดยในหนังสือฉบับนั้น มีใจความโดยสรุปว่า ตั้งแต่ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๐ โดยอ้างถึงข้อความในสัญญา***้ยืมว่า บุตรของนาง อ. ได้***้เงินจาก นาง ม. โดยมีนาง อ.เป็นผู้ค้ำประกัน ได้***้เงินไว้จำนวน ๑๓๖,๐๐๐ บาท พร้อมจะต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี (ให้ชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน) ภายในระยะเวลา ๑ ปี ต่อจากนี้ ทั้งนี้ นาง ม. จึงได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้ บุตรชายของนาง อ. ซึ่งเป็นผู้***้ยืม และ นาง อ. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน คืนเงินที่***้ยืมไป ภายในระยะเวลาภายใน ๑๕ วัน นับจากวันที่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ โดยจำนวน เงินต้น ๑๓๖,๐๐๐ บาท พร้อมทั้ง ดอกเบี้ย ซึ่งคิดไว้ที่ร้อยละ ๑๕ ต่อ ปี รวมไปถึง ดอกเบี้ยที่เกินกำหนดเวลาชำระหนี้

จากนั้น นาง อ. พร้อมด้วย บุตรชาย จึงเข้าไปพูดคุย เพื่อการประนีประนอม กับ นาง ม. เพื่อไม่ให้เป็นความทางกฎหมาย และ นาง ม. จึงแจ้งยอดเงินคงค้าง ณ. ปัจจุบัน ว่า เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๖๔๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เป็นเพราะ เข้าใจกันดีอยู่แล้วทั้งสองฝ่ายว่า การคิดอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบร้อยละ ๒ ทบต้นต่อเดือน เป็นระยะเวลา ๖ ปี

เมื่อนาง อ. และบุตรชาย(ซึ่งขณะนั้นอายุเกิน ๒๐ ปีแล้วและเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัย) ทราบยอดจำนวนเงินคงค้าง และเพื่อไม่ให้เป็นความทางกฎหมาย จึงยอมต่อนาง ม.

ทั้งนี้นาง ม. บอกให้ นาง อ. พร้อมกับบุตรชาย ไปที่สำนักงานที่ดิน เพื่อให้บุตรของนาง อ. ทำสัญญา ขายฝาก ไว้ในจำนวนเงิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะทำเหมือนว่าเริ่มต้นกันใหม่ ไม่พูดถึงความเดิมที่แล้วมา (ทั้งนี้ที่จำนวนเงินเยอะขึ้นเพราะ นาง ม. จะให้***้ยืมอีกเพิ่มอีกจำนวน ๑๑๐,๐๐๐ บาท) โดยทำสัญญาไว้และมีเงื่อนไขไว้ว่า หากบุตรชายของนาง อ. ไม่ชำระเงินเพื่อไถ่ที่ดินคืน ภายในระยะเวลา ๓ ปี จะเพิ่มยอดเงินเป็นจำนวน ๙๐๐,๐๐๐ บาท

ครั้นเวลาผ่านมา ๓ ปี นาง อ. และ บุตร ไม่เคยได้คืนต่อ นาง ม. เลย เนื่องด้วยไม่สามารถหามาชำระคืนได้ เนื่องด้วยประกอบอาชีพที่มีรายได้เพียงใช้จ่ายเป็นรายวันเท่านั้น ดังนั้น นาง อ. จึงคิดจะไปพูดคุยกับ ธนาคาร ร. เพื่อจะขอนำหนี้นอกระบบมาแปลงเป็นหนี้ในระบบ ซึ่งจะใช้ที่ดินดังกล่าวที่ขายฝากไว้กับ นาง ม. เป็นหลักค้ำประกัน แล้วจากนั้น นาง อ. จึงเข้าไปคุยกับ นาง ม. ให้ทราบในเรื่องดังกล่าว และนางม. ก็เห็นสอดคล้องด้วย และ แจ้ง ยอดเงินคงค้างกับ นาง อ. ว่าเป็นจำนวน ๙๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมจะไปคุยกับธนาคารด้วย

เมื่อบุตรของนาง อ. ซึ่งปริญญาตรีแล้วทราบเรื่อง จึงคิดทบทวนถึงเรื่องที่ยอม นาง ม. มาตลอดว่า จริงแล้วมันไม่ถูกต้อง การที่นาง ม.คิดดอกเบี้ยทบต้นต่อเดือน ในอัตราร้อยละ ๒ ต่อเดือน นั้น มันเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ซึ่งที่คิดได้เช่นนี้ เพราะเพื่อนที่เรียนทาง กฎหมายร้องทักไว้ บุตรของนาง อ. จึงคิดอยู่ในใจว่า หากจะนำความนี้ร้องต่อศาล ให้ปรับยอดเงินคงค้างให้เป็นธรรมกว่านี้ จะได้หรือไม่

คำถาม

บุตรของนาง อ. จะต้องทำเช่นไรจึงจะเป็นธรรมต่อ ตนเอง และจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับลดยอดเงินคงค้างให้น้อยลง



ผู้ตั้งกระทู้ G-man_20 :: วันที่ลงประกาศ 0000-00-00 00:00:00 IP :


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (48886)

มีทางออกสองทางให้ลองเลือกดู

-ทางที่ 1  ลองเจราประนีประนอมกับเจ้าหนี้ว่าเงินต้น 136,000  บาท***้ไปเป็นเวลาประมาณ  7.5 ปี ถ้าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายคือร้อยละ  15 ต่อปี  ดอกเบี้ยน่าจะตกราวๆ 153,000  บาท เมื่อทบต้นน่าจะตกราว   289,000  บาท ซึ่งห่างไกลจาก  9 แสนบาทถึง3 เท่า ถ้าคุยกันไม่ตกลง ก็ลองใช้ทางที่ 2

-ทางที่ 2 คุณจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทางศาล ฐานเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด หลักฐานการทวงหนี้ควรเก็บไว้ให้ดี  เพราะเป็นหลักฐานว่าคุณ***้เขาเพียง 136,000  บาท    แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีแง่มุมและรายละเอียดที่ต้องคุยกันยาว เพียงคำแนะนำอาจไม่พอจะช่วยคุณได้มากนัก  ควรปรึกษาทนายแบบตัวต่อตัวเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่ละเอียดกว่านี้  ซึ่งถ้าเป็นเช่นคุณเล่ามาก็พอที่แนวทางต่อสู้ครับ  แต่ไงๆ เรื่องหนี้และดอกเบี้ยตามกฎหมายคุณยังคงต้องรับผิดชดใช้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2005-02-05 16:26:00 IP :



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.