ถ้าสัญญามันเกิดก่อนการที่ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ ก็คงทำอะไรไม่ได้ครับเพราะสัญญามันชอบด้วยกฏหมายทุกประการ แต่ถ้าระยะเวลาเช่ามันนานเกินไปคุณก็อาจจะต้องยอมเสียค่าชดเชยให้กับผู้เช่าไปในกรณีขอบอกเลิกสัญญานั้น ๆ แล้วแต่กรณี

ค่าเช่าแต่ละเดือนต้องเป็นของหนูหรือเจ้าของเดิมค่ะ

โดยหลักควรจะเป็นของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา(เจ้าหนี้ของเจ้าของที่ดินเดิม)เพราะเป็นดอกผลที่เกิดจากทรัพย์นั้น

เช้านี้คนเช่าสามคนมาจ่ายค่าเช่าให้หนู หนูควรจะรับค่าเช่าไหมค่ะ เพื่อนๆหนูบอกว่าเงินควรเป็นของหนูถ้าเขาอยากได้ค่าเช่าเขาต้องไปฟ้องศาลเอาเองเพราะตอนนีสิทธิและโฉนดเป็นชื่อหนู แต่หนูเป็นคนที่ต้องให้ชัวร์ก่อนทำอะไรกลัวจะมีช่องโหว่มาทีหลัง  เจ้าของที่เดิมก็มีปัญหากับคนเช่าอยู่คนเช่าจึงหันมาเพิ่งหนูเหมือนกัน เจ้าของเดิมไม่ค่อยใส่ใจ คนเช่าก็เชียร์ให้ฟ้องขับไล่เจ้าของเดิมแต่ใจลึกๆสงสารเขา  เช้านี่โทรบอกเขาว่าถ้ามีเงินมาซื้อหนูจะขายคืนเขาเท่าเดิม หนูออกค่าโอนให้ เพราะหนูร้อนเงินอยากกลับบ้านนอกไปทำงานที่เกิด เขาเงียบท่าเดียว  เพื่อนหนูเป็นตำราจให้หนูอย่าเห็นใจเจ้าของเดิมเพราะเขาดูท่าทีจะไม่ยอมไปไหน ตอนนี้มีเมียตำรวจเพื่อนอยากซื้อต่อราคาสูงกว่าที่หนูซื้อมาหลายแสน พี่ชายบอกให้ขายให้เมียตำรวจเขาจะเอามาเฟียมาจัดการของเขาเอง อยากขายแต่กลัวเมียตำรวจทำร้ายป้าเจ้าของเดิม กะว่าจะพูดกับป้าดีๆสักอาทิตย์หนึ่งถ้าไม่ได้ผลจะขายต่อทันที เพราะหนูไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ปวดหัวมากๆ ป้าแกทำสัญญาระยะยาว10ปีกับคนเช่า7คน ป้าเก็บเงินคนเช่าก่อนด้วย 350,000บาท เก็บค่าเช่าอีกเดือนละแปดพัน แถมเก็บเงินคนเช่ามาสร้างล๊อกๆๆอีก แต่คนเช่าไม่รู้เลยว่าป้าแกหัวใส  กะว่าจะหัวใสกะแกบ้าง ให้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าอีก

ป้าแกถูกยึดทรัพย์ไปแล้วไม่ใช่หรอครับ แล้วทำไมยังอยู่ในที่ดินนี้อีกอันที่จริงควรจะต้องออกไปแล้วนับแต่วันที่กรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือไป เพราะตอนนี้กรรมสิทธิ์มันตกเป็นของคุณโดยชอบแล้ว ส่วนเรื่องเงินค่าเช่าตามหลักแล้วควรจะต้องเป็นของเจ้าหนี้ของป้าเขาเพราะมันเป็นดอกผลที่เกิดมาจากที่ดินซึ่งเจ้าหนี้ได้ทำการยึดเพื่อไปขายทอดตลาดเพื่อมาใช้หนี้สิน ส่วนเรื่องมาเฟียอะไรนั่นผมไม่อยากให้ถึงขั้นนั้นเพราะอย่างไรเสียบ้านเมืองก็มีขื่อมีแปรจะมาตั้งศาลเตี้ยกันง่าย ๆ แบบนี้ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ครับ ยิ่งถ้าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐหรือคนใกล้ชิดเจ้าพนักงานของรัฐกระทำเองด้วยแล้วยิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ใด ๆ ในการไปทำการอันนั้นได้แล้วมันยังเป็นสิ่งที่คนที่รู้กฏหมายหรือควรจะได้รู้เช่นนั้นไม่ควรจะละเมิดกฏหมายเสียเอง ผมก็ไม่รู้ว่าป้าแกเป็นคนดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่อยากให้ลองเจรจากันด้วยดีไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ(บางทีแกอาจจะยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้) แต่ถ้าป้าแกพอจะหาที่อยู่ได้ไม่ยากนักและไม่ยอมออกจากพื้นที่ก็คงต้องฟ้องขับไล่ต่อไป ส่วนปัญหาของป้ากับผู้เช่าก็คงต้องปล่อยให้เขาไปจัดการกันเอาเอง หรือหากคุณไม่อยากปวดหัวกับที่ดินที่ประมูลมาโดยติดสัญญเช่านี้จะขายไปเพื่อตัดปัญหาก็ได้เป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดีอีกทางหนึ่งครับ ส่วนคนที่ซื้อต่อจะไปทำอะไรก็สุดแท้แล้วแต่เขาหากเขาทำดังที่คุณว่ามาจริงก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายหรือกระบวนการยุติธรรม หรือแม้ต่อให้มีเส้นสายพอไม่ถูกดำเนินคดี แต่สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหนีมันพ้นไปได้นั่นก็คือ "กฏแห่งกรรม" ครับ