เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริษัท หลายบริษัทที่เปิดขายเครื่องสำอางค์ตามเวปไซต์  ซึ่งบริษัทแจ้งว่า สามารถทำเรื่องขอขึ้นทะเบียน  อย. ได้ทุกคน    โดยการตั้งชื่อเครื่องสำอางค์ เช่น ครีมสตอเบอรี่  ครีมองุ่น ฯลฯ  ทุกคนสามารถใช้ชื่อเดิมของบริษัทได้ หรือจะเปลี่ยนชื่อก้อได้ แล้วแต่ความคิดส่วนบุคคล  แต่เรื่องเครื่องหมายการค้า (ยี่ห้อ) จะต้องจดแจ้งขึ้นทะเบียน ของใครของมัน  ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้     มีคำถาม ดังนี้คะ

1.  กรณีซื้อสินค้าจากบริษัทเดียวกัน และแลปเดียวกัน   และสูตรต้นฉบับจากแลป  ไม่ใช่สูตรคิดค้นของนายเอ  แต่นาย เอ ขอขึ้นทะเบียน อย. ก่อน นาย บี และสินค้าเป็นที่นิยมในตลาด   นายบีจึงสั่งสินค้ามาขายบ้าง  และนำมาขายถูกกว่านาย  เอ  ซึ่งเป็นชื่อเดียวกัน สูตรเดียวกัน  แลปเดียวกันทุกประการ     จึงทำให้นายเอ  เกิดความไม่พอใจ ที่ยอดขายสินค้าลดลง   จึงหาวิธีกลั่นแกล้งนายบี ต่าง ๆ นานา  และได้ติดต่อทนายความ เพื่อทำหนังสือแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายสินค้า   ซึ่งไม่ใช่จากจากแลปผุ้ผลิต  แต่เป็นหนังสือออกจากสภาทนายความของนายเอ   มีข้อความประมาณว่า  บริษัท  ก.ซึ่งเป็นผู้ผลิต   ครีมสตอเบอรี่   ให้กับ นายเอ เป็นผู้ขายแต่เพียงผุ้เดียว ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และมีการลงนามในหนังสือฉบับนั้น  อยากทราบว่าการทำหนังสือออกจากสภาทนายความ  ที่ไม่ใช่แลปผู้ผลิต ซึ่งเป็นเจ้าของครีม  สามารถทำได้ หรือไม่ แล้วแสดงว่า นายเอ ได้ถือกรรมสิทธิ์นั้น จริง ๆ หรือไม่  ถึงแม้จะมีการลงนาม ทั้งสองฝ่าย  แต่ก้อไม่รู้คนที่เซ้นต์เอกสาร คือใคร  

2. ประเด็นที่สอง  ที่นายเอ ไปทำหนังสือออกจากสภาทนายความ ข้อความเหมือนว่า แลป ก.มอบสิทธิ์ให้นาย เอ ขายได้แต่เพียงผู้เดียว  ชื่อเครื่องสำอางค์ ว่าครีมสตอเบอรี่    แต่เมื่อไปตรวจที่หน้าเวปหลักของ อย. ปรากฎว่า  ครีมสตอเบอรี่  จากแลป และบริษัท เดียวกัน  มีการขอจดทะเบียน อย. ได้ ถึง 2 ราย   หากเอกสารจากสภาทนายความของนายเอ  ใช้ได้  จะถือว่าแลปผิดสัญญา กะนายเอหรือไม่

3. นายเอ มีสิทธิ์กระทำการดังกล่าวหรือไม่ คือให้สภาทนายความทำหนังสือ ขึ้นมาเอง  นำมาใช้ในทางกฎหมายได้หรือไม่

4.นายบี  มีความผิดหรือไม่ ในเมื่อใช้ชื่อการค้า คนละตัวกับนายเอ แต่ชื่อเครื่งสำอางค์เหมือนกัน แลปเดียวกัน สินค้ามาตราฐานจากแลป  ไม่ใช่สูตรคิดค้นของนายเอ   หากนายบีไม่มีความผิด  นายบีเอาผิดนายเอ ได้หรือไม่