ReadyPlanet.com


ข้อหาลักทรัพย์ญาติ


เรื่องมีอยู่ตอนนั้นผมเพิ่งจบ ม. 6 ครับ เข้าเรียน ราม แล้วได้ไปอาศัยป้าอยู่ แถวดาวคะนอง ตามเพื่อนเห็นเพื่อนมีของใช้ก็เลยอยากใช้บ้างจึงได้ขโมยเงินป้าและทองไปซื้อของใช้ ต่อมาโดนจับได้ ก็รับสารภาพป้าพาไปที่สถานนีตำรวจครับแต่ตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันและก็กลับมาเจรจากันที่บ้าน ป้าและพ่อแม่ ผม รวมกันเจรจาเซ้นสัญญา ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 250000 บาทโดยผ่อนเป็นเดือน ครับ แต่ที่ผมติดใจมากเลยครับอาจเป็นเพราะตอนนั้นผมไม่ทันคิด ป่าบอกว่าของหายเยอะรวมมูลค่าหลายบาทมากแต่ที่ผมได้ซื้อแค่ notebook กับ กล้อง 1 ตัว เท่าน้ั้นป้าก็เรียกให้ชดใช้ 250000 ครับ เรื่องเกิดมาประมาณปี 2547 ครับ คือผมอยากทราบจำนวนเงินที่เอานะมันไม่ถึง 250000 เลย ผมต้องทำไงครับ แต่ตอนนั้นเซ็นสัญญาไปแล้วด้วยครับเขาให้เซ็น ก็ต้องเซ็น ป้าก็บอกของหายสารภัดเลยผมงง มาก ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะทำไงครับ ตอนนี้ผมส่งเงินให้ป้าไปแล้ว 88700 ครับ และก็มีเงินที่ให้เองกับมืออีกจำนวนหนึ่งครับ แต่เหมือนป้าบอกว่ายังค้างอีกเยอะ ผมจะทำไง ไปขึ้นศาลทำเป็นคดีเลยดีไหมครับ เครียดมาก



ผู้ตั้งกระทู้ เด็กมอปลาย :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-15 21:59:39 IP : 124.122.10.7


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3240137)

ตามกฏหมายแล้วความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความกันได้ตามกฏหมายเพราะเป็นอาญาต่อแผ่นดิน เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นผู้เสียหายหรือตำรวจสามารถเข้าดำเนินคดีกับคุณได้แน่นอน แม้ว่าผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความพนักงานสอบสวนก็จะต้องทำการสอบสวนเพื่อส่งสำนวนพร้อมทั้งความเห็นไปยังพนักงานอัยการอยู่ดี แต่ในทางเป็นจริงอาจจะเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ว่าแม้เป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความกันได้แต่ก็อาจจะจบลงได้โดยง่ายที่ชั้นสอบสวน หากเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ ฉนั้นการที่ป้าคุณเรียกค่าเสียหายมาเป็นเงิน 250,000 บาท แม้มันจะเป็นจำนวนเงินที่เกินความเป็นจริงที่เสียหายไป แต่หากมาพิจารณาดูแล้วผมว่ามันย่อมคุ้มค่ากับการที่อาจจะต้องถูกจำคุกเป็นไหน ๆ เพราะจากข้อเท็จจริงนี้คุณก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปต่อสู้เขา เพราะคุณได้กระทำความผิดจริง ถ้าจะลองมองในอีกมุมหนึ่งแม้ป้าของคุณจะเรียกค่าเสียหายที่เกินความเป็นจริงไปบ้าง แต่การที่คุณทำให้เขาเสียหายนั้นเขาย่อมฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนคุณได้ในมูลละเมิดอยู่ดีเพราะเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วยคดีอาญา ฉนั้นอาจจะถือสะว่าเป็นการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปในตัวด้วยก็ได้ (จะได้สบายใจในระดับหนึ่ง)

หรือถ้าคุณเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณแล้วกับการที่จะต้องชดใช้เงินมากกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง คุณก็ลองชั่งใจดูเถิดว่า หากคุณไม่ยอมชดใช้จำนวนเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้ก็จะต้องไปว่ากันในชั้นศาลต่อไป ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่จะตามมาอีกมากมาย รวมทั้งจะต้องเสียเวลาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และประเด็นที่สำคัญเลยคือ "คุณคือผู้กระทำความผิดจริง" หาใช่การกล่าวหาหรือกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่ ฉนั้นหากศาลท่านตัดสินว่าคุณผิดจริงคุณก็อาจจะต้องถูกจำคุกซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท ซึ่งอันนี้คือโทษขั้นพื้นฐานที่ต่ำที่สุดในฐานความผิดนี้เพราะถ้าข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอาจเข้าข่ายในฐานที่สูงกว่านี้ก็ได้ครับ ก็ลองติดสินใจดูเอานะครับว่าควรจะเลือกให้เขาดำเนินคดีต่อซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นผลที่ได้มันอาจจะไม่คุ้มกับที่ต้องเสียไปก็ได้ หรือจะยอมชดใช้เงินเพื่อให้คดีมันจบลง แต่อย่างไรก็ตามผมเห็นว่าอย่างน้อยคุณก็คือหลานคนหนึ่งของเขาหากทำให้เขาใจเย็นลงได้บ้างด้วยการไม่โกรธหรืออโหสิให้คุณ ผมว่าเขาอาจจะลดจำนวนเงินหรืออาจจะยกหนี้ให้เลยก็เป็นได้ หากคุณทำให้เขาเล็งเห็นถึงความสำนึกผิดหรือทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ ซึ่งอันนี้มันก็อยู่ที่ความอดทนและความพยายามของตัวคุณเองด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น pup วันที่ตอบ 2011-03-16 00:45:37 IP : 115.87.170.254



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.