การกู้ยืมเงิน

  การกู้ยืมเงิน  สองพันบาท  แม้ไม่มีหลักฐานการกู้ยืม  ก็สามารถฟ้องร้องได้ แต่ในเมื่อมีหลักฐานการกู้ยืมฯ  ก็ยิ่งมีประโยชน์...ถ้าอยากจะฟ้องก็สามารถฟ้องได้  เป็นคดีมโนสาเร่(ทุนทรัพย์ไม่เกินสามแสนบาท) ค่าใช้จ่ายคงไม่เกินหนึ่งพันบาท...ไปที่ศาลแจ้งเจ้าหน้าที่ศาล  ให้ช่วยเหลือในการเขียนคำฟ้องให้ได้....แต่อาจจะมีปัญหาหลายกรณี  ที่ควรทราบ  ได้แก่ ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมไปศาล  แม้จะทราบว่าถูกฟ้อง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องทางแพ่ง...   แจ้งตำรวจ ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน  เพราะเป็นเรื่องทางแพ่ง ตำรวจก็คงแนะนำให้ไปฟ้องเอาเอง   อาจจะมีนายตำรวจบางนาย  เห็นอกเห็นใจ  จะมีหนังสือเรียกให้ลูกหนี้ไปพบ ที่โรงพัก  เพื่อไกล่เกลี่ยเจรจากัน อาจจะพอมีทางได้เงินคืนบ้าง  แต่ถ้าเป็นลูกหนี้ทีเด็ด  รู้ข้อกฎหมายดี  อาจจะไม่ยอมไปโรงพัก  ตำรวจก็ออกหมายจับไม่ได้  เพราะไม่ใช่คดีอาญา  หรืออาจยอมไปศาล  ก็บอกว่า มันไม่มีเงินใช้คืน  ขอผลัดผ่อนไปก่อน  ก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน....แม้ลูกหนี้ไม่ยอมไปศาล  ก็ไม่มีความผิดเช่นกัน  ศาลก็สามารถพิพากษาลับหลัง  ให้ลูกหนี้ใช้หนี้ได้  แต่ถ้าลูกหนี้ ไม่ยอมชดใช้   เจ้าหนี้ก็ต้องขอหมายบังคับคดี  เพื่อยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ ซึ่งก็มีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร...น่าจะไม่คุ้มกับวันเวลาที่ต้องเสียไป....เจ้าหนี้บางรายก็ มักสังสัยว่า  เราจะสามารถทำให้เป็นคดีอาญาได้หรือไม่  คือความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุก สามปี ปรับหกหมื่นบาทฯ  แต่นักฎหมายต่างรู้ดีว่า  เรื่องนี้ไม่สามารถโยงเป็นคดีอาญา ฐานฉ้อโกงได้  เพราะการฉ้อโกง  ต้องมีพฤติกรรม  หลอกลวงด้วยข้อความอันเป็นเท็จ  เพื่อให้ได้เงินไปฯ  แต่ตามข้อเท็จจริง  เป็นการกู้ยืมเงินกันเท่านั้น  คงโยงเป็นความรับผิดทางอาญาไม่ได้   ถ้าไม่มีพฤติกรรมชัดเจนว่า มีการหลอกลวง ฯ  คงไม่มีความผิดทางอาญาแน่นอน  แม้ตอนที่มาหยิบยืมเงิน อาจจะโกหกว่า เดือดร้อน  ขอยืมเพียงไม่กี่วันจะคืนให้    แต่จะโยงว่าเป็นการฉ้อโกงคงไม่ได้ เพราะกฎหมายอาญาจะต้องตีความโดยเคร่งครัด เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้น  ก็พยายามตอบทุกแง่ทุกมุม  เพื่อประกอบการตัดสินของคุณ เจนจิรา หวังว่าคงมีข้อมูลในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ด้วยความปรารถนาดี ครับ