การบุกรุกที่ดิน

  ก็บอกไม่ชัดเจนว่า ที่นาที่ถูกบุกรุกนั้นมีเอกสารเป็นอะไร  ถ้ามีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดิน(ครุฑแดง)  ถ้ามีการบุกรุกมาเกิน 10 ปี  อาจจะ...เข้าข่ายการแย่งการครอบครองปรปักษ์ ที่มีกฎหมายรองรับ ตาม ปพพ. ม.1382 คือ 1.เข้ามาแย่งการครอบครองโดยสงบ (เจ้าของไม่เคยโต้แย้ง  ไม่เคยท้วงติง ไม่เคยแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุก หรือมีไม่มีการฟ้องขับไล่) 2. เข้ามาแย่งการครอบครองโดยเปิดเผย (คือคนทั่วไป พบเห็นว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาในที่ดิน) 3. ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ (คือบุกรุก เข้ามาทำประโยชน์ ในฐานะเจ้าของ ไม่ใช่ ผู้เช่า  ไม่ผู้อาศัย )  4. มีการบุกรุก เข้ามาในที่นาติดต่อกัน 10 ปี  ผู้บุกรุก  ก็สามารถการครอบครองปรปักษ์ ให้ได้กรรมสิทธิ์ ในที่ดินที่ตนบุกรุกได้ และสิทธิการครอบครองปรปักษ์นี้ สามารถใช้ยันเจ้าของที่นาได้  เจ้าของที่นามีทางเดียวคือ ต้องฟ้องขับไล่  ถ้าผู้บุกรุก สามารถอ้างเหตุ 1-4 ดังกล่าวข้างต้น นำสืบพยานประกอบ และศาลรับฟังว่ามีเหตุผลเพียงพอ  ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน  จากเจ้าของคนเดิม เป็นชื่อ ของผู้บุกรุกได้...(ที่ถามว่า ฟ้องได้หรือไม่  ขอตอบว่า ฟ้องขับไล่ได้   แต่ก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้ว่า  ทำไมปล่อยให้ผู้อื่นบุกรุกมาในที่นาเป็นสิบปี)....

     แต่ถ้าที่นาดังกล่าว มีเอกสาร  เป็น สค.1  นส.3 หรือ นส.3 ก. ถ้ามีผู้บุกรุกเข้ามาในที่ดิน  เรียกว่าการแย่งการครอบครอง  ไม่ใช่แย่งกรรมสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้น ถ้าเจ้าของไม่ฟ้องร้องภายในหนึ่งปี  จะหมดอำนาจฟ้อง ตาม ปพพ. ม.1375 ที่นานั้นจะเป็นของผู้บุกรุกอย่างง่ายดายภายในหนึ่งปี  แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของก็สามารถฟ้องได้เสมอ  ในชั้นการไกล่เลี่ย อาจจมีการเจรจาแบ่งปันกัน อาจจะไม่ต้องสูญเสียที่ดินทั้งหมดก็มีทางเป็นไปได้...แต่การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การ อย่าปล่อยปละละเลย ต้องดูแลที่ดินของตนอยู่เสมอ   ถ้ามีผู้บุกรุก ต้อง โต้แย้ง หรือแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาบุกรุก....ด้วยความปรารถนาดี ครับ

 ปมุขคือพิน็อกคีโอลาโง่จมูกยาวและเปรตมาจากนรก