เรียนที่ไหนก็ได้ครับ เอาที่คุณสะดวกและคิดว่าเหมาะสมที่สุดอ่ะครับ ทุกที่มุ่งหวังเพื่อสร้างคุณภาพนักศึกษาให้ดีที่สุดเหมือนกันแหละครับ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถาบันชื่อดังแล้วคนจะเก่งเสมอไป คนจะเก่งมันไม่ได้อยู่ที่สถาบัน มันอยู่ที่ความตั้งใจ สนใจ และใส่ใจของคนเรียนมากกว่าครับ คนที่จบจากสถาบันเอกชนสอบได้เป็นอันดับ 1 ของเนติก็มีให้เห็นถมไป อยู่ที่ตัวผู้เรียนเองมากกว่าว่าจะเก็บเกี่ยวหรือรับความรู้จากอาจารย์ รวมทั้งสนใจ ใส่ใจ และเพียรพยายามในการเรียนมากน้อยแค่ไหน ฉนั้นผมจึงเห็นว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกันถ้าคุณตั้งใจจริงจบมาก็คงเป็นนักกฏหมายที่เก่งได้ไม่ยากครับ อย่าไปหัวโบราณแบบหลาย ๆ คนที่คัดเลือกคนเข้าทำงานด้วยการดูสถาบันที่จบมาก่อนความรู้ความสามารถของบุคคลนั้น ๆ ซึ่งผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยอย่างแรง แต่ในโลกของความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ แต่ก็อย่าได้แคร์หากเก่งจริงก็หางานได้ไม่ยากหรอกครับ โดยเฉพาะสอบเอาชนะพวกสถาบันดัง ๆ ได้เนี่ยน่าภูมิใจกว่าเยอะครับ

เรียนที่ราม  เหมาะสำหรับคนที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯหน่อย   และยังไม่ได้ทำงาน  จะได้มีโอกาสไปฟังคำบบรยายของอาจาย์ได้  เพราะที่รามเน้นการฟังคำบรรยายของอาจารย์เป็นหลัก  แต่จะเข้าฟังคำบรรยายหรือไม่ก็ได้ เพียงไปสอบตามกำหนดก็ใช้ได้  และสามารถลงทะเบียนเรียนได้เพียงน้อยๆหน่วยกิต และสะสมหน่วยกิตไปเรื่อยๆ  เพราะเปิดโอกาสให้เรียนได้หลายปี  และที่สำคัญค่าลงทะเบียนถูกกว่าหลายเท่า  โดยเฉพาะ  ม.เอกชน ค่าหน่วยกิตสูงกว่ารามเป็นสิบเท่าขึ้นไป......เรียนที่ มสธ.เหมาะสำหรับคนทำงาน   และอยู่ห่างไกล    มสธ.เน้นคำบรรยายที่เป็นเอกสารส่งให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนถึงบ้าน เหมาะสำหรับนักอ่านที่ใฝ่รู้   และมีศูนย์สอนเสริมในทุกจังหวัด  ที่นักศึกษาสามารถไปฟังคำบรรยายได้ตามโปรแกรมที่กำหนด  ผู้สอนเสริมส่วนใหญ่คือผู้พิพากษา  และอัยการ  จีงเป็นโอกาสที่ดีที่นักศึกษาจะสามารถ สอบถามปัญหาได้อย่างชัดเจน  จากผู้ปฏิบัติจริง ค่าลงทะเบียนก็ไม่แพงนัก   และสอบในวันเสาร์และอาทิตย์  ผู้ที่ทำงานอยู่แล้วจึงสามารถเรียนได้อย่างไร้กังวล.......ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากประสบการณ์จริง  เพราะตนเองและบุตรหลานหลายๆคนต่างก็ลงทะเบียนเรียนทั้งสองสถาบันนี้ทั้งนั้น   หลายคนมีงานทำเป็นหลักแหล่งมั่นคง    ก็คงเป็นแนวทางให้คุณตัดสินใจได้ครับ