เป็นคดีแพ่งครับ ไม่ใช่คดีอาญา จึงไม่มีความเกี่ยวพันใด ๆ กับตำรวจทั้งนั้น เป็นสิทธิที่เจ้าหนี้ต้องไปฟ้องร้องเอาเอง ส่วนเขาจะยึดทรัพย์หรือไม่ต้องดูว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิทางศาลเพื่อเป็นคดีหรือไม่ หากเจ้าหนี้ไม่ได้ฟ้องศาลก็ไม่มีมีใครมีสิทธิหรือมีอำนาจมายึดทรัพย์อะไรของคุณได้แม้แต่บาทเดียวครับ  ส่วนจะถูกฟ้องเป็นคดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้อย่างที่กล่าวไปครับว่าจะใช้สิทธินั้นเพียงเพื่อเงินแค่ 3 พันบาทหรือไม่ แต่ในหลักของความถูกต้องหรือในทางศีลธรรมแล้วในเมื่อคุณเป็นหนี้เขาก็ควรจะชดใช้ไม่จำต้องรอให้เขาเอาเรื่องหรือฟ้องเป็นคดี เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้น จะได้ไม่ต้องตามไปชดใช้เขาในชาติต่อ ๆ ไป (หากมีจริงหรือเชื่อว่ามีจริง)

เป็นความรับผิดทางแพ่ง ไม่มีโทษทางอาญา ไม่จำเป็นต้องไปขอหนังสือรับรองความประพฤติจากตำรวจ  ถ้ามีการฟ้องร้อง  ก็มีการขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ได้    แต่หนี้ค่าโทรศัพท์  น่าจะมีอายุความสองปี  ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่1647/2534 ที่ยกมา    ถ้าถูกฟ้องจริง  ก็ยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อให้ศาลยกฟ้องได้  แต่เขาคงไม่ฟ้อง  ด้วยเหตุผลสองประการคือ  อย่างแรก  หนี้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย  และหนี้ขาดอายุความแล้วครับ.....แต่ถ้าคุณจะใช้หนี้เพื่อตัดปัญหาก็ได้...

คำพิพากษาศาลฎีกา  1647/2534

มาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ. องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยพ.ศ. 2497 องค์การโทรศัพท์โจทก์มีวัตถุประสงค์ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการโทรศัพท์และธุรกิจที่ต่อเนื่องใกล้เคียงกันหรือซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการโทรศัพท์ และตามมาตรา 9 บัญญัติว่า เพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวในมาตรา 6 ให้องค์การโทรศัพท์มีอำนาจรวมถึง...(3) กำหนดอัตราค่าเช่า ค่าดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ค่าบริหารอื่น ๆ ของกิจการโทรศัพท์และจัดระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าต่าง ๆ ดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์เรียกค่าเช่าค่าบริการที่จำเลยค้างชำระจึงถือว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ และเรียกเอาสินจ้างอันพึงได้รับในการนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) (แก้ไขใหม่คือ  ม.193/34(7))สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความ2 ปี ไม่ใช่อายุความ 5 ปี ตามมาตรา 166.