ReadyPlanet.com


ให้เช่าซื้อรถให้ เอารถไปใช้ แต่งงาน เอาเงินไปหมด บอกเลิก จบกัน


1.ผ่อนรถ(เช่าซื้อ)มา  12  เดือน  ฟ้องในฐานะยักยอกทรัพย์ได้ไหม  แล้วเอารถมาใช้แทน

2.ฟ้องหลอกให้แต่งงาน แล้วเรียกทรัพย์สินคืนทั้งหมดได้ไหม  

3.ขั้นตอนทั้งหมดเป็นอย่างไร มาตราอะไร     ไม่เคยมีคดีความ  ต้องการความถูกต้อง

ขอบคุณครับ



ผู้ตั้งกระทู้ สุพร :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-18 13:24:15 IP : 119.46.145.56


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3251045)

1.  ถ้าคุณเป็นผู้เช่าซื้อ    ก็สามารถไปนำรถมาใช้เองได้      แต่การใช้วิธีให้บริษัทผู้ขายรถไปยึดมาให้  จะปลอดภัยจากการถูกโต้แย้งครับ

2-3    ถ้าการสมรสเกิดขึ้นโดยถูกกลฉ้อฉลถึงขนนาด   ก็ฟ้องศาลให้เพิถอนการสมรสได้  ตาม  ม.1502   ม.1506(ป.แพ่งฯ) ผมได้คัดลอกฎีกาเกี่ยวกับการฟ้องให้เพิกถอนการสมรสมาให้ดู สองฎีกา  เพื่อให้คุณตระหนักว่า  การฟ้องเพิกถอนการสมรส  บางทีก็ทำไม่ได้ง่ายๆ     การตกลงเจรจากันเองคือทางออกที่ดีที่สุดครับ......ตอบปัญหาของคุณ ตามข้อมูลที่มาเพียงน้อยนิด อาจไม่ตรงตามปัญหาที่คุณถามก็ได้ครับ

 

มาตรา 1502 การสมรสที่เป็นโมฆียะสิ้นสุดลงเมื่อศาลพิพากษา ให้เพิกถอน
 

มาตรา 1506 ถ้าคู่สมรสได้ทำการสมรสโดยถูกกลฉ้อฉลอันถึงขนาดซึ่ง ถ้ามิได้มีกลฉ้อฉลนั้นจะไม่ทำการสมรส การสมรสนั้นเป็นโมฆียะ
ความในวรรคหนึ่ง ไม่ใช้บังคับในกรณีที่กลฉ้อฉลนั้นเกิดขึ้นโดยบุคคลที่ สามโดยคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมิได้รู้เห็นด้วย
สิทธิขอเพิกถอนการสมรสเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็นอันระงับ เมื่อเวลาได้ ผ่านพ้นไปแล้วเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้หรือควรได้รู้ถึงกลฉ้อฉลหรือเมื่อเวลาได้ ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งปีนับแต่วันสมรส
 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5351/2545

 

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่าได้จดทะเบียนสมรสกันหลอก ๆ เพื่อหวังประโยชน์ในทางการค้า มิได้มีเจตนาจะอยู่กินเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริง ทั้งไม่เคยอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาแต่อย่างใด เหตุที่จดทะเบียนสมรสกันเนื่องจากเชื่อตามหมอดูทำนายเท่านั้น แต่ผู้ร้องทั้งสองมิได้นำพยานอื่นเข้าสืบประกอบว่าตนมิได้อยู่กินฉันสามีภริยากันจริง และมิได้ส่งสำเนาทะเบียนบ้านว่ามิได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอกจากนี้ผู้ร้องทั้งสองยังปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึง 3 ปีเศษ จึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ พฤติการณ์ที่นำสืบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องทั้งสองยินยอมเป็นสามีภริยากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1458 แล้วไม่มีเหตุที่จะมายื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสของผู้ร้องทั้งสองตกเป็นโมฆะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2530

 

โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 หมั้นและทำการสมรสกันในวันนั้นเองหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบิดาก็มอบตัวจำเลยที่ 1 ให้ไปอยู่กินกับโจทก์ที่ 1 ทันที โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1ได้พากันไปไหว้ พระในที่ต่าง ๆ จนถึงตอนเย็นได้รับประทานอาหารด้วยกันแล้วจึงส่งตัวเข้าหอ โดยจำเลยที่ 1 มิได้อิดเอื้อน แต่จำเลยที่ 1ไม่ยอมให้โจทก์ที่ 1 ร่วมประเวณีด้วยเพราะเหน็ดเหนื่อยไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมเพศ ทั้งจำเลยที่ 1 เพิ่มมีอายุเพียง 19 ปี ไม่เคยสมรสมาก่อน อาจจะยังกลัวต่อการร่วมประเวณีจึงได้ขอผัดผ่อนไปก็ได้ โจทก์ที่ 1 จึงควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 ได้ผัดผ่อนตามที่ร้องขอ ไม่ควรวู่วาม เอาแต่ใจตัวจะต้องร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 ในคืนนั้นให้ได้การที่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้โจทก์ร่วมประเวณีดังกล่าวจึงยังไม่ใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 และจะถือว่าจำเลยทั้งสองทำกลฉ้อฉลไม่ได้ การสมรสระหว่างโจทก์ที่ 1 กับจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นโมฆียะ โจทก์ไม่มีสิทธิขอเพิกถอนและเรียกแหวนหมั้นกับเงินสินสอดคืนจากจำเลยทั้งสองได้.

ผู้แสดงความคิดเห็น คงคา วันที่ตอบ 2011-07-18 14:30:47 IP : 180.180.18.168


ความคิดเห็นที่ 2 (3251059)

บอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุพร วันที่ตอบ 2011-07-18 16:51:58 IP : 119.46.145.56



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.